ทนายพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับ ศาลอาญา 3 ก.ย.- ทนายพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์ ร้องขอสั่งรับคำร้องอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับ พร้อมขอศาลระงับหมายจับไว้ชั่วคราว ขณะที่พนักงานสอบสวนร้องคัดค้านทันที คาดศาลมีคำสั่ง 2-3 วัน เตรียมร้อง ป.ป.ช. รัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 48 ไม่ชอบ พรุ่งนี้
นายณฐพร โตประยูร ทนายความ 9 ผู้ต้องหากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 ที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับในข้อหากบฏ และข้อหาอื่นรวม 5 ข้อหา ที่งานอุทธรณ์-ฎีกา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.50 น. วันนี้ (3 ก.ย.) โดยผู้ต้องหาขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ยกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว พร้อมยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระงับหมายจับไว้ชั่วคราว
ตามคำร้องอุทธรณ์สรุปว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายจับ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าการเพิกถอนหมายจับเป็นอำนาจของศาล ผู้ร้องเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ออกหมายจับไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะคดีนี้ผู้ต้องหาอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยในการสั่งยกคำขอที่ให้เพิกถอนหมายจับของศาลชั้นต้น โดยอ้างข้อเท็จจริงว่า ในชั้นขอหมายจับของพนักงานสอบสวน มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนที่ได้ความในชั้นศาล ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ครบองค์ประกอบ อันเป็นความผิดฐานก่อการกบฏ คำสั่งของศาลที่ให้ออกหมายจับจึงไม่ชอบ และขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นคณะอื่นทำการไต่สวน และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ผู้ต้องหามิได้ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับตามที่ศาลชั้นต้นอ้าง แต่ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำร้องขอเพิกถอนหมายจับ ชอบด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายหรือไม่ หากมิชอบ ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา เพื่อมีคำสั่งใหม่ให้ถูกต้อง
ส่วนคำร้องขอระงับหมายจับไว้ชั่วคราว สรุปว่า ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนนำมาเป็นพยาน หลักฐานก็บิดเบือน นำบางส่วนที่เป็นประโยชน์แก่พนักงานสอบสวนมาเสนอต่อศาลชั้นต้น ทั้งที่เป็นข้อหามีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิต หากศาลทำการไต่สวนก็จะพบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า ผู้ต้องหาทั้ง 9 มิได้กระทำผิดตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม และปัญหาก็ทวีความรุนแรงขึ้น มีผลกระทบต่อผู้ต้องหาทั้ง 9 และประชาชนโดยรวม หากศาลอุทธรณ์จะได้โปรดมีคำสั่งระงับการดำเนินการตามหมายจับไว้ชั่วคราว ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็จะเกิดประโยชน์แก่กระบวนการยุติธรรม และทำให้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองได้คลี่คลายไประดับหนึ่ง อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 9 ก็มีพยานหลักฐานเอกสารที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ และผู้ต้องหามีอาชีพ และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีเหตุที่จะหลบหนี จึงขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดมีคำสั่งระงับการดำเนินการตามหมายจับของศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราวจนกว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาเสร็จ
ผู้ร้องจึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ต้องหา และเนื่องจากกระบวนพิจารณาในชั้นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับผู้ต้องหาโดยเฉพาะ จึงให้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปโดยเร็ว เพราะเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ และเกี่ยวด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอคัดค้านคำร้องอุทธรณ์ของผู้ต้องหาดังกล่าวด้วย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์รับคำร้อง เพื่อมีคำสั่งต่อไป
นายณฐพร โตประยูร ทนายพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์รับเรื่องไว้พิจารณา คาดว่าจะมีคำสั่งได้ภายใน 2-3 วัน และในวันที่ 4 ก.ย. จะไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ กรณีรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นการกระทำมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยคำร้องจะระบุในทำนองว่า มีการตระเตรียมให้เกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่มปะทะกัน เมื่อเช้ามืดวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย ผบ.ตร.สามารถเข้าระงับเหตุได้ทัน แต่ไม่ดำเนินการ ส่งผลให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว .- สำนักข่าวไทย
นายณฐพร โตประยูร ทนายความ 9 ผู้ต้องหากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 ที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับในข้อหากบฏ และข้อหาอื่นรวม 5 ข้อหา ที่งานอุทธรณ์-ฎีกา ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.50 น. วันนี้ (3 ก.ย.) โดยผู้ต้องหาขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ยกคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว พร้อมยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระงับหมายจับไว้ชั่วคราว
ตามคำร้องอุทธรณ์สรุปว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายจับ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าการเพิกถอนหมายจับเป็นอำนาจของศาล ผู้ร้องเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ออกหมายจับไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะคดีนี้ผู้ต้องหาอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยในการสั่งยกคำขอที่ให้เพิกถอนหมายจับของศาลชั้นต้น โดยอ้างข้อเท็จจริงว่า ในชั้นขอหมายจับของพนักงานสอบสวน มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนที่ได้ความในชั้นศาล ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ครบองค์ประกอบ อันเป็นความผิดฐานก่อการกบฏ คำสั่งของศาลที่ให้ออกหมายจับจึงไม่ชอบ และขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นคณะอื่นทำการไต่สวน และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ผู้ต้องหามิได้ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับตามที่ศาลชั้นต้นอ้าง แต่ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำร้องขอเพิกถอนหมายจับ ชอบด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายหรือไม่ หากมิชอบ ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา เพื่อมีคำสั่งใหม่ให้ถูกต้อง
ส่วนคำร้องขอระงับหมายจับไว้ชั่วคราว สรุปว่า ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนนำมาเป็นพยาน หลักฐานก็บิดเบือน นำบางส่วนที่เป็นประโยชน์แก่พนักงานสอบสวนมาเสนอต่อศาลชั้นต้น ทั้งที่เป็นข้อหามีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิต หากศาลทำการไต่สวนก็จะพบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า ผู้ต้องหาทั้ง 9 มิได้กระทำผิดตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา ประกอบกับคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม และปัญหาก็ทวีความรุนแรงขึ้น มีผลกระทบต่อผู้ต้องหาทั้ง 9 และประชาชนโดยรวม หากศาลอุทธรณ์จะได้โปรดมีคำสั่งระงับการดำเนินการตามหมายจับไว้ชั่วคราว ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็จะเกิดประโยชน์แก่กระบวนการยุติธรรม และทำให้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองได้คลี่คลายไประดับหนึ่ง อีกทั้งผู้ต้องหาทั้ง 9 ก็มีพยานหลักฐานเอกสารที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ และผู้ต้องหามีอาชีพ และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีเหตุที่จะหลบหนี จึงขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดมีคำสั่งระงับการดำเนินการตามหมายจับของศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราวจนกว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาเสร็จ
ผู้ร้องจึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ต้องหา และเนื่องจากกระบวนพิจารณาในชั้นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับผู้ต้องหาโดยเฉพาะ จึงให้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปโดยเร็ว เพราะเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ และเกี่ยวด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอคัดค้านคำร้องอุทธรณ์ของผู้ต้องหาดังกล่าวด้วย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์รับคำร้อง เพื่อมีคำสั่งต่อไป
นายณฐพร โตประยูร ทนายพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์รับเรื่องไว้พิจารณา คาดว่าจะมีคำสั่งได้ภายใน 2-3 วัน และในวันที่ 4 ก.ย. จะไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ กรณีรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นการกระทำมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยคำร้องจะระบุในทำนองว่า มีการตระเตรียมให้เกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม 2 กลุ่มปะทะกัน เมื่อเช้ามืดวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย ผบ.ตร.สามารถเข้าระงับเหตุได้ทัน แต่ไม่ดำเนินการ ส่งผลให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว .- สำนักข่าวไทย
ชื่อ กันชรีน เลิศกิตติสุข ID 5131601238 Section 02 สำนักวิชา นิติศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น