วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "เตช บุนนาค" เป็นรมว.ต่างประเทศ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑ และประกาศครั้งสุดท้ายลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑ นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้

นายเตช บุนนาค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน


ผู้รับสนองพระราชโองการ
นายสมัคร สุนทรเวช
นายกรัฐมนตรี

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เก็บมาฝาก...จากเข้าพรรษา

โคราชทำฮือฮา!!

ขบวนเทียนพรรษาล้อ นพดล คู่ ฮุน เซน








ในโอกาสเทศกาลเข้าพรรษาเวียนมาถึงอีกครั้ง และเนื่องในวันอาสาฬบูชาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา และมีพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบ 3 องค์ และพระพุทธองค์ทรงเทศนาเป็นกัณฑ์แรก ที่เรียกเทศนากัณฑ์นี้ว่า "ปฐมเทศนา" พุทธศาสนิกชน ชาวไทยจำนวนมากต่างพร้อมใจร่วมทำบุญตักบาตร และถือศีลสมาทาน เพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและ ครอบครัวอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ที่เทศบาลนครนครราชสีมาจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2551 ชื่อ "แห่เทียนพรรษา พุทธบูชา สืบสานวัฒนธรรมโคราช" ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคมนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป และให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความสมานฉันท์ในชุมชน บรรยากาศการจัดขบวนเทียนจากวัดต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางมาจอดแสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้ชมความงาม โดยมี
ีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวนมาก

นอกจากนี้เทศบาลนครนครราชสีมายังจัดให้ขบวนเทียนพรรษาจากวัดต่างๆ จอดแสดงโชว์
ขบวนเทียนบนถนนราชดำเนิน หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และถนนชุมพล (หลังอนุสาวรีย์ย่าโม) ตลอดทั้งสาย

ที่วัดธรรมมาภิรตาราม หรือวัดน้ำไหล ต.พระพุทธ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ช่างแกะสลักเทียนที่เคยแกะสลักเทียนล้อการเมืองจนโด่งดัง ได้ร่วมกันประดิษฐ์ขบวนเทียนชื่อ "เรือเมืองไทย" โดยปั้นรูปบุคคลที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยนั่งอยู่บนเรือเมืองไทย อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ปู่เย็น ผู้ทระนง ฯลฯ

นอกจากนี้ช่างแกะสลักเทียนยังปั้นรูปเทียนล้อการเมืองกรณีเขาพระวิหารอีก 2 คน นั่งอยู่นอกเรือเมืองไทย คือ นายนพดล ปัทมะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

ข้อมูลจาก คมชัดลึก

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

" ปตท.-บางจาก" นำลดราคา ดีเซล60สต.-เบนซิน80สต.



วันนี้ (19 กรกฏาคม 2551) มีรายงานว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศ ลดราคาน้ำมันในส่วนของกลุ่มน้ำมันดีเซล 60 สตางค์/ลิตร และกลุ่มน้ำมันเบนซิน 80 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันพรุ่งนี้ เป็นต้นไป

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อสะท้อนราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการหวั่นเกรงปัญหาเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มกองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) เทขายน้ำมันออกสู่ตลาด หากราคาน้ำมันตลาดโลกยังลดลงต่อเนื่อง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ก็จะปรับลดราคาให้สะท้อนต้นทุนให้เร็วที่สุดต่อไป
ข้อมูล จาก นสพ.ไทยรัฐออนไลน์

เด็กนักเรียนหญิง ม.3 รุมตบตีรุ่นน้อง ม.2 - พร้อมถ่ายคลิปประจาน!!



คลิปนักเรียนตบกันโผล่อีกแล้ว คราวนี้เกิดขึ้นที่ขอนแก่น ผู้ปกครองพาเหยื่อ ด.ญ.วัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนดังเมืองขอนแก่น เข้าร้องเรียนนักข่าว จี้เอาผิดกลุ่มนักเรียนหญิงชั้น ม.3 รุ่นพี่ ที่รุมตบตีหลานสาวแล้วถ่ายคลิปไว้ สาเหตุเพราะไม่พอใจที่เหยื่อสาวชอบเอาเรื่องไปฟ้องอาจารย์ว่ารุ่นพี่หนีเที่ยว ทั้งๆ ที่เหยื่อสาวไม่ได้เอาไปฟ้องแต่อย่างใด เลยเรียกมาตบสั่งสอนในห้องน้ำโรงเรียน แล้วถ่ายคลิปไว้ประจาน เผยหลังเกิดเหตุทางโรงเรียนลงโทษมือตบ สั่งไล่ออกทันที แถมยังโดนผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดีอีกด้วย

เมื่อวันที่17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พ.ท.สุพล สุวรรณสาร อายุ 56 ปี ข้าราชการบำนาญ พร้อมด้วยนายสุพจน์ สุวรรณสาร อายุ 54 ปี นักการภารโรง โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น พา ด.ญ.แบม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 พร้อมทั้งนำคลิปวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือ ระบุเป็นภาพนักเรียนหญิงชั้น ม.3
จำนวน 2 คน และชั้น ม.2 อีกคน รุมทำร้ายตบตี ด.ญ.แบม มาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้าแจ้งความเอาผิดกับด.ญ.แหม่ม (นามสมมติ) นักเรียนชั้นม.3 หัวหน้าแก๊งซี.จี. ด.ญ.ปาน (นามสมมติ) และด.ญ. อ้อย (นามสมมติ) นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนเดียวกัน ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ นันททรัพย์ พงส.สบ.3 สภ.เมือง ขอนแก่น เจ้าของคดี พ.ท.สุพล สุวรรณสาร อายุ 56 ปี ข้าราชการบำนาญ พร้อมนายสุพจน์ สุวรรณสาร อายุ 54 ปี นักการภาร โรงโรงเรียนดังกล่าว พาด.ญ.แบม (นามสมมติ) เข้าแจ้งความเอาผิดกับด.ญ.แหม่ม (นามสมมติ) นักเรียนชั้นม.3 หัวหน้าแก๊งซี.จี. ด.ญ.ปาน (นามสมมติ) และด.ญ. อ้อย (นามสมมติ) นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนเดียวกัน ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น

พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ เผยว่า คดีนี้รับแจ้งความไว้แล้ว และไม่สามารถถอนคดีออกได้ จะต้องดำเนินคดีถึงที่สุด ซึ่งต้องนำตัวด.ญ.แบมไปตรวจร่างกายที่ร.พ.ศูนย์ขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ขณะนี้ได้ไปสอบปากคำฝ่ายปกครองโรงเรียนแล้ว ซึ่งบอกว่าทางโรงเรียนดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎโรงเรียน โดยให้ด.ญ.แหม่มออกจากโรงเรียนไปแล้ว ส่วน ด.ญ.ปาน และด.ญ.อ้อย ทำทัณฑ์บน ถ้าพบว่าทำผิดเป็นครั้งที่สองจะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนด้วยเช่นกัน

พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังไม่พบตัวเด็กทั้ง 3 คนที่ก่อเหตุรุมทุบตีทำ ร้ายด.ญ.แบม และทราบว่าหลบหนีออกจากบ้านไปซ่อนตัวที่อื่นแล้ว เมื่อผู้ปกครองของเด็กทั้งสามคนทราบข่าวต่างเสียใจมาก และมอบหมายให้ตำรวจดำเนินการได้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าหน้าที่พบตัวเด็กทั้งสามคนจะต้องนำตัวมาควบคุมที่สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อสอบสวนปากคำตามขั้นตอนที่สำนักงานอัยการจังหวัดต่อหน้าพนักงานสอบสวน นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา อัยการจังหวัด

พ.ต.อ.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ รองผบก.ภ.จว.ขอน แก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก ตนได้รับรายงานจากพนักงานสอบ สวนสภ.เมืองขอนแก่นแล้ว ให้ทำคดีให้เกิดความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายให้ดีที่สุด ซึ่งไม่สามารถยอมความกันได้ ตนเห็นว่าเป็นปัญหาของสังคมซึ่งยอมรับผลเสียจะเกิดกับผู้เสียหายที่เป็นผู้แจ้งความเอง เพราะเป็นคดีอาญา ไม่สามารถยอมความกันได้ เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีจนถึงที่สุด ผลกระทบกลัวจะย้อนกลับมาที่ตัว ด.ญ.แบมอีกเป็นครั้งที่ 2 ในด้านปัญหาจิตใจ หรือต้องระวังตัวกลัวจะถูกทำร้ายร่างกายซ้ำสอง

ข้อมูล จากข่าวสดรายวัน วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6441

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

.....คำศัพท์ควรรู้เกี่ยวกับ " รัฐธรรมนูญ "....

Magna Carta (Great Charter)

ากบทเรียน วิชา การเมืองการปกครอง (1001132)

เรื่อง รัฐธรรมนูญ (Constitution)

หัวข้อ Gradual Evolution (บรรทัดที่ 5 )

คำว่า Magna Carta มาจากภาษาละติน แปลว่า "กฎบัตรใหญ่"หรือ"มหากฎบัตร"(Great Charter) หรือบางครั้งเรียกว่า "กฏบัตรใหญ่อิสระ" (Magna Carta Libertatum) เป็นกฏบัตรของอังกฤษที่ตราขึ้น ค.ศ. 1215โดยถือกันว่า มหากฏบัตร นี้คืออิทธิพล ที่ยิ่งใหญ่ที่มีต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของกระบวน การที่นำไปสู่กฏหมายรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน

มหากฏบัตร เกิดขึ้นได้นั้นเนื่องจากพระเจ้าจอร์น หรือที่รู้จักในพระนาม " จอร์น แลคแลนด์ " (John หรือ John Lackland) พระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ ครองราชระหว่าง พ.ศ.1743-1759 พระโอรสองค์ เล็กของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่ง อังกฤษนับเป็นกษัตริย์ ที่มีผู้นิยมชมชอบน้อยที่สุดใน ปรวัติศาสตร์ ของประเทศ อังกฤษ ทรงเคยพยายามที่จะยึดราชบัลลังก์ระหว่างที่พระเจ้าชาร์ดที่ 1 ถูกจองจำ อยู่ในประเทศเยอรมัน (พ.ศ.1736-1737)แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และรับแต่งตั้ง ให้เป็นผู้ สืบทอดราชบัลลังก์โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 1 เองเพื่อตัดสิทธิ์ เจ้าชายอาเธอร์พระ โอรสของพระเจ้า จอฟเฟรย์พระเชษฐาของพระเจ้าจอร์น การเรียก ร้องสิทธิ์ในการครองราชของ เจ้าชายอาเธอร์ได้รับ การสนับสนุนจากพระเจ้าฟิลิปส์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศสและหลังจากเจ้าชายอาเธอร์ถูกปลงพระชนม์โดย คำสั่งของพระเจ้าจอร์นเมื่อ พ.ศ.1746 พระเจ้าฟิลิปส์ได้ยกทัพที่เหนือกว่าเข้ามาบุก ยึดอังกฤษระหว่าง พ.ศ.1747-1748 ได้เกือบหมด ยกเว้นบางส่วนของอควิเทน (Aquitaine) ในปี พ.ศ.1749 พระเจ้าจอร์น ไม่ทรงยอมรับ "สตีเฟน แลงตัน" เป็นพระราชาคณะแห่งแคนเตอร์เบอรี ดังนั้นในปี พ.ศ.1715 ราชอาณาจักรของพระองค์จึงถูกประกาศเป็นอาณาจักรต้องห้าม โดยพระสันตปาปาและถูกคว่ำ บาตร (พ.ศ.1752) ซึ่งในที่สุดพระองค์ ทรงยอมแพ้และปฏิบัติตามในปี พ.ศ.1756

รัฐบาลที่กดขี่ของพระเจ้าจอร์น
ประกอบกับความล้มเหลวในการยึดนอร์มังดี จึงกลับคืนมีผลให้ เกิดการ ถูกต่อต้านจากกลุ่มขุนนางซึ่งนำไปสู่การเรียกร้องการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ กลุ่มขุนนาง ได้เข้าเฝ้า พระ องค ์ที่รันนีมีด (Runnymede)และบังคับให้ทรงลง พระปรมาภิไธย ประทับ พระราชลัญจกร บนมหา- กฏบัตร (Magna Carta) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.1758 ซึ่งเป็น รากฐานแห่งรัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษในเวลาต่อมา



เนื้อหาหลักในมหากฏบัตร กล่าวถึง สิทธิในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ของเสรีชน ไม่ว่า
บุคคลนั้นจะอยู่ในชนชั้นหรือวรรณะใดก็ตาม และพระเจ้าแผ่นดิน จะต้องมอบสิทธินี้ให้ กับขุนนาง หรือผู้ปกครองที่ดิน (Vassal) และขุนนางนั้นจะ ต้องมอบสิทธิให้กับพลเมืองหรือไพร่ ในสังกัด โดย พลเมืองทุกคนจะไม่ถูกกดขี่ พ่อค้าและชาวนาไม่จำเป็นต้องมอบ สินค้าบางส่วน หรือผลิตผลทาง การเกษตรให้กับขุนนางหรือเจ้าแผ่นดินเพื่อเป็นค่าคุ้มครองดังเนื้อความในส่วนหนึ่งของมหากฏบัตร ที่กล่าวว่า "จะไม่มีบุคคลที่ถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยว โดยปราศจาก อิสรภาพ หรือถูกยึด ขู่กรรโชก ทรัพย์สินโดยปราศจากคำตัดสินของศาล"นอกจากนี้ใน มหากฏบัตรยัง ได้กล่าวถึงการเรียกเก็บภาษี ของพระเจ้าแผ่นดินซึ่งพระเจ้าแผ่นดิน จะทรงเรียกเก็บภาษีตามพระราชหฤทัยโดยไม่ผ่านการเห็น ชอบจากสภาบริหารราช การแผ่นดิน (The Great Council Of The Nation) ก่อนไม่ได้


** เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย พระเจ้าจอร์นทรงครองราชใน
เวลาก่อนสถาปนากรุงสุโขทัย ประมาณ 50 ปี **

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เมืองไทยก็มีดี

กรุงเทพฯ ได้รับเลือก เป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก




ผลสำรวจนักท่องเที่ยวทั่วโลกยกให้ ....


- กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองดีที่สุดในโลกประจำปีนี้
- การบินไทยครองตำแหน่งสายการบินดีที่สุดอันดับสาม
- โอเรียนเต็ล ตกอันดับเป็นโรงแรมดีที่สุดอันดับ 14


นิตยสารทราเวลแอนด์เลเชอร์
สำรวจความเห็นผู้อ่านเกี่ยวกับ
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำปี 2551 ผลปรากฎดังนี้


เมืองที่ดีที่สุด



กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่ดีที่สุด
ในโลก
ประจำปีนี้ ด้วยคะแนน 87.61 พุ่งขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว
อันดับ 2 ได้แก่ กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา
อันดับ 3 ได้แก่ เคปทาวน์ แอฟริกาใต้
อันดับ 4 ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
ขณะเมืองฟลอเรนซ์ ในอิตาลี แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วหล่นไป

อยู่อันดับ 5 มีคะแนน 86.24


การจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียเรียงตามลำดับดังนี้

กรุงเทพฯ รั้งอันดับ 1 เช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว
เกียวโต ญี่ปุ่น ซึ่งมีคะแนน 84.27
เชียงใหม่ 84.14
ฮ่องกง 83.69
อุทัยปุระ อินเดีย 83.51


สายการบินที่ดีที่สุด



สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เป็นสายการบินระหว่างประเทศ
ที่ดีที่สุดในโลก เป็นการครองตำแหน่งเดิมเมื่อปีที่แล้ว
อันดับ 2 ได้แก่ เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ซึ่งมีคะแนนตามมาห่างๆ
การบินไทยขยับจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้วขึ้นมาอยู่อันดับ 3
อันดับ 4 ตกเป็นของคาเธ่ย์ แปซิฟิก
ซิลก์แอร์ อยู่อันดับ 5


โรงแรมดีที่สุด

อันดับ 1 ได้แก่ ซิงกิตา ซาบี แซนด์ ในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์
อันดับ 2 ได้แก่ โอเบรอย ราชวิลาส อินเดีย มีคะแนน 95.71
อันดับ 3 ได้แก่ แฟร์มอนต์ มารา ซาฟารี คลับ ในเคนยา
รงแรมโอเรียนเต็ล ของไทยที่เคยครองตำแหน่งโรงแรม
ที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของโลกเมื่อปีที่แล้ว หล่นฮวบไปอยู่อันดับ 14 ในปีนี้

นอกจากนี้ โรงแรมของไทยที่ติดอันดับในครั้งนี้ยังรวมถึง
โรงแรมเพนนินซูล่า อยู่อันดับ 17 หล่นจากอันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว
และโฟร์ซีซั่น รีสอร์ท เชียงใหม่ อยู่ที่อันดับ 19 เท่ากับเมื่อปีที่แล้ว


หากวัดความนิยมเฉพาะโรงแรมในเอเชีย


โอเรียนเต็ลอยู่ที่อันดับ 4 หล่นจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว
แพนนินซูลา อยู่ที่อันดับ 5 เท่าเดิม
โฟร์ซีซั่น รีสอร์ท เชียงใหม่ อยู่ที่อันดับ 7 ลดลงจากอันดับ 6 ปีที่แล้ว
แชงกรี-ลา อยู่ที่อันดับ 19 ลดลงจากอันดับ 17 เมื่อปีที่แล้ว
เจ ดับบลิว แมริออต ภูเก็ต อยู่ที่อันดับ 26 ลดลงจากอันดับ 25
รอยัล ออร์คิด เชอราตัน อยู่ที่อันดับ 36 ไต่ขึ้นจากอันดับ 49
เจดับบลิว แมริออต กรุงเทพฯ อยู่ที่อันดับ 39 ลดลงจากอันดับ 35
เชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท อยู่ที่อันดับ 41 เป็นการเข้าอันดับครั้งแรก


หมู่เกาะดีที่สุด


หมู่เกาะกาลาปากอส ใน เอกวาดอร์ ได้รับเลือกให้เป็นหมู่เกาะที่ดี
ที่สุดในโลก ด้วยคะแนน 87.64 พุ่งขึ้นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว
เกาะบาหลี ได้รับเลือกเป็นเกาะที่ดีที่สุดในเอเชียด้วยคะแนน 86.32
ถือเป็นการรักษาตำแหน่งต่อจากปีที่แล้ว
ภูเก็ต รั้งอันดับ 2 เกาะที่ดีที่สุดของเอเชีย ด้วยคะแนน 82.64
เกาะปีนัง ของ มาเลเซียเป็นเกาะที่ดีที่สุดอันดับ 3 ด้วยคะแนน 81.67


ผู้ให้บริการรถเช่าที่ดีที่สุด

ตำแหน่งบริษัทผู้ให้บริการรถเช่าที่ดีที่สุดในโลกยังคงเป็นของ เฮิร์ทซ์
ซึ่งมีคะแนน 69.96
ส่วน เอนเตอร์ไพรซ์ เรนท์-เอ-คาร์ ได้อันดับ 2 ซึ่งก้าวขึ้นมาจาก
อันดับ 4 ด้วยคะแนน 67.79
ขณะที่ เอวิส รั้งอันดับ 3 เหมือนเดิมด้วยคะแนน 67.50


ทั้งนี้ นางแนนซี โนโวกรอด หัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสาร
ทราเวลแอนด์เลเชอร์กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ
และหมู่เกาะกาลาปากอสว้ารางวัลสูงสุดครั้งนี้ และกองบรรณาธิการ
มีความยินดีที่มีเมืองใหม่ติดอันดับจำนวนมากในปีนี้ โดยธรรมชาติ
และการผจญภัย นับเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว
ผลการจัดอันดับครั้งนี้มาจากการลงคะแนนโดยสมาชิกนิตยสาร
ฉบับดังกล่าว ในการสำรวจทางอินเทอร์เน็ตช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม
โดยทางนิตยสารจะมอบรางวัลให้กับผู้ชนะแต่ละสาขา
ในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ


ข้อมูลจาก คม ชัด ลึก วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

SHOTเด็ด อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ความรู้เรื่องเขาพระวิหาร




บางคนเคยไปเขาพระวิหาร มีภาพเขาพระวิหารอยู่ในใจ ข้อมูลพื้นฐาน
รู้กันแต่เพียงว่า ตัวปราสาท ศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชา
แต่หลายคนไม่รูว่าส่วนที่เป็นบันไดขึ้นตรงไหน… ส่วนประกอบที่จะเป็น
พระวิหาร ส่วนใด เป็นเขตของประเทศไทย เรื่องราวบางส่วน ในหนังสือ
เขาพระวิหาร ระเบิดเวลา จากยุคอาณานิคม อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม
เขียนไว้ในบท ศรีษะเกษ เขมรป่าดง พอให้ความกระจ่างได้
ทั้งไทยทั้งกัมพูชาขณะนี้ มีปราสาทหินที่สำคัญ อยู่มากมายหลายแห่ง
อาจารย์ศรีศักร บอกว่า ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นศาสนสถานที่
สำคัญที่สุด ก่อนแพ้คดีข้อพิพาทกับกัมพูชา ปราสาทหลังนี้อยู่ในเขต
ประเทศไทย มีชื่อเรียกมาแต่ก่อนว่า ปราสาทพรหมวิหาร ตั้งอยู่บน
ยอดเขาที่สูงที่สุดลุกหนึ่งบนเทือกเขาพนมดงเร็ก




ภวาลัยแห่งพระศิวะ เป็นอาคารสำคัญของกลุ่มปราสาททั้งหมด
อยู่ในตำแหน่งที่มองลงไปสู่ เขมรต่ำ ของกัมพูชาได้อย่างชัดเจน
แต่กระนั้น ภวาลัยแห่งนี้ ก็หันลงสู่ที่ราบสูงโคราช ของประเทศไทย
ในลักษณะที่สอดคล้องกันกับทางขึ้น ที่มีโคปุระอยู่ทุกระดับความสูง
ตั้งแต่ตีนเขามายังยอดเขา ลักษณะแผนผังและสภาพแวดล้อมนี้ตีความ
เป็นอื่นไปไม่ได้ว่า ปราสาทแห่นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานสำคัญ
ของบ้านเมืองในภูมิภาคนี้ด้วย ไม่ใช่เพื่อกัมพูชาแต่เพียงอย่างเดียว
ผู้คนจากกัมพูชาในแดนเขมรต่ำ หากจะขึ้นมากราบไหว้ หรือประกอบ
พิธีกรรมทางศาสนา ถ้าหากไม่พากันเข้ามาในที่ราบสูงโคราชก่อน
ก็ต้องป่ายปีน เข้ามาในช่องทางท่สูงชันและลำบากที่เรียกว่า บันใดหัก




แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น… ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า ปราสาทเขาพระวิหาร ไม่มี
ความสัมพันธ์กับกษัตริย์ขอม เมืองพระนคร พิจราณาจากตำแหน่งที่ตั้ง
และสภาพแวดล้อมปราสาทเขาพระวิหารมีลักษณะ ที่คล้ายคลึง
กับปราสาทวัดภู ในเขตเมืองจัมปาสัก ในประเทศลาว ตั้งอยู่บนเขาสูง
มีลักษณะ โดดเด่นเป็นที่ประทับใจกว่าเขาธรรมดาอันกระตุ้นให้นึกคิด
ไปถึง การเป็นที่สถิตของเทพเจ้า ผู้ผรงอานุภาพ ทั้งปราสาท
เขาพระวิหาร และปราสาทวัดภูเป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในตำแหน่ง
ที่เป็นกลาง ทางการเมือง เป็นแหล่งจาริกแสวงบุญของผู้คนจาก
เมืองต่างๆ รัฐต่างๆที่นับถือ ศาสนาเดียวกัน



การที่มีการก่อสร้างให้เป็นปราสาทที่มีความซับซ้อนและวิจิตรงดงาม

โดยพระบัญชาของ กษัตริย์ขอมจากเมืองพระนครนั้น แสดงให้เห็น
ถึงความเลื่อมใสในทางพระศาสนาประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ก็เพื่อ
แสดงพระเกียรติยศและเดชานุภาพ ในการเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก
อาจารย์สรศักรบอกว่า หากจะดูความสวยงามและความใหญ่โตของ
ปราสาทเขาพระวิหาร ก็คงไม่สู้กระไร เทียบกับปราสาทหิน พิมาย
หรือพนมรุ้งไม่ได้ แต่ถ้าดูในเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง และภูมิทัศน์ โดยรอบ
แล้ว นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เกือบไม่มีที่ใดในเขตประเทศไทย กัมพูชา
และลาวเทียบได้ แน่นอน…ปราสาทเขาพระวิหารเป็นศาสนสถานที่
ศักดิ์สิทธที่สำคัญ อาจมีชุมชนและอาศรมของพวกนักพรตดาบส
อยู่ในบริเวณนี้ หรือบริเวณ ใกล้เคียง

เมื่อไม่นานมานี้ มีการพบสิ่งใหม่ๆกันขึ้นที่บริเวณหน้าผาสูงชัน

ที่เรียกว่า มออีแดง อันเป็นแหล่งที่ตั้งหน่วยทหารพรานไทย
ได้มีผู้พบ ภาพสลักนูนต่ำรูปบุรุษ รูปสตรี ซึ่งน่าจะเป็นเทพเจ้า
สลักเรียงกัน 3 องค์ บางองค์ยังสลักไม่เสร็จ ใกล้กันมีภาพลายขูดขีด
เป็นแบบร่างรูปสุกร คงหมายถึง พระนารายณ์ปางวราหวตาร อีกภาพ
เป็นแบบร่างเทพเจ้า ประทับอยู่ใต้นาคปรกลักษณะคล้ายพระนารายณ์
มากกว่าเป็นพระพุทธรูป ปางนาคปรก ผู้บางท่านกำหนดให้มีอายุราว
พุทธศตวรรษที่ 16 ลงมา ใกล้ๆบริเวณมออีแดง มีรอยตัดหินจาก
บริเวณนี้ไปสร้างเขาพระวิหาร ถัดไปเปสถูปหินขนาดใหญ่ 2 องค์
ตั้งอยู่ติดกัน ไม่ทราบแน่ว่าสร้างขึ้น เพื่ออะไร แต่ก็เป็นสิ่งที่กล่าวได้ว่า
อยู่ในบริเวณตีนเขาพระวิหาร ที่อยู่ในเขตแดนไทย

ใกล้บริเวณสถูป เป็นลานหินทรายที่เกิดจากการสึกกร่อน มีร่องน้ำ

ที่ถูกกำหนดให้ เป็นเส้นปันเขตแดนไทยกับกัมพูชา ค่อนออกจาก
ตีนเขา ที่เริ่มบันไดนาค และถนน ที่จะขึ้นไปยังปราสาทเขาพระวิหาร
บริเวณ ลานหินนี้ มีธารน้ำที่นับน้ำจากตีนเขาพระวิหาร เรียกว่า
ห้วยตราว น้ำจากห้วยตราว ไหลผ่านซอกหินและโขดหิน มีเพิงถ้ำใต้
ธารน้ำแห่งหนึ่ง สวยงามมาก ลานกว้างพอที่คนหรือสัตว์เข้าไป
พักอาศัยได้ชั่งคราว ต่อจากใต้เพิงหิน ลำห้วยผ่านซอกหินและป่าลงสู่
ลุ่มกว้างขวาง มีต้นหญ้าขึ้นเขียวขจีคล้ายทุ่ง ตรงขอบทุ่ง มีแนว
แท่งหินซ้อนกันเป็นเขื่อน แท้จริง บริเวณนี้ คือแหล่งเก็ยน้ำแบบขอม
ที่เรียกว่า บาราย เส้นทางน้ำ จากบารายแห่งนี้ไหลไปสู่พื้นที่ราบ
ในเขตอำเภอมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์

จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด หน้า 5