วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551


พรุ่งนี้! เปิดตัวทายาทอสูร “พรรคเพื่อไทย” เชิด “ชัยสิทธิ์-ปานปรีย์” กุมบังเหียน

“เพื่อไทย” พรรคอะไหล่ “พลังประชาชน-ไทยรักไทย” ประชุมใหญ่พรุ่งนี้ (21 ก.ย.) ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ถ.พระราม 4 เลือก กก.บริหารพรรคใหม่ “ชัยสิทธิ์ ชินวัตร-สุจริต ปัจฉิมนันท์” เต็ง ส่วนเลขาฯ อาจเป็น “ปานปรีย์” หลานน้าชาติ และ คนใกล้ชิด “หญิงอ้อ”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 9.30น. พรุ่งนี้ (21 ก.ย.) พรรคเพื่อไทยจะจัดการประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 3/2551 ขึ้น ณ อาคารชินวัตรไหมไทย ย่านถนนพระราม 4 โดยมีวาระสำคัญคือ การตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และ การเลือกคณะกรรมการตามกฎหมายพรรคการเมือง ประกอบด้วย คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค คณะกรรมการและนโยบายพรรคและคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรค นอกจากนี้จะมีการทบทวนเปลี่ยนแปลงนโยบายและข้อบังคับพรรคด้วย


สำหรับการประชุมของพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่เหล่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ แกนนำพรรคพลังประชาชนประกาศว่าได้ตั้ง พรรคเพื่อไทย ไว้สำรองแล้วหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน อันเนื่องมาจากกรณีที่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิพากษาให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช และเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี โดยกรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพรรคพลังประชาชนโดยอาจถึงขั้นยุบพรรค ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 เนื่องจาก นายยงยุทธ นั้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน


พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอะไหล่ ที่นักการเมืองในสายของนายยงยุทธ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเป็นผู้จดทะเบียนไว้ เพื่อรองรับ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทั้งจากพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยขณะนี้มีอดีตผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชาชนย้ายไปสังกัดแล้วจำนวนมาก


ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับรองให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคเพื่อไทย โดยมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 มีนายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และนายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ เป็นเลขาธิการพรรค ใช้สัญลักษณ์ชื่อย่อพรรค เป็นอักษร “พ” ขณะที่ตัวย่อของพรรคเพื่อไทยเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้น คือ พท. และ PT. ตามลำดับ โดยจากข้อมูลเมื่อวันที่ 10 ก.ค. พรรคเพื่อไทย มีกรรมการบริหารพรรค 17 คน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 111/1 อาคารนวสร ถ.พระราม 3 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120 ซึ่งเคยเป็นที่ทำการพรรคไทยรักไทยขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย


สำหรับ ในวันที่ 21 ก.ย. นี้พรรคเพื่อไทย จะคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคคนใหม่ โดยขณะนี้มีตัวเต็งหัวหน้าพรรคด้วยกัน 2 ราย คือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอีกคนหนึ่งคือ นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ขณะ เลขาธิการพรรคนั้นมีข่าวว่าอาจจะเป็น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร


สำหรับนายปานปรีย์นั้นเป็นผู้มีความใกล้ชิดกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยในสมัย รัฐบาลสมัคร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปี 2546 เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นอกจากนี้นายปานปรีย์ยังมีศักดิ์เป็นหลานเขยของ “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าพรรคพลังประชาชนได้ทาบทาม นายปานปรีย์ให้ลงชิงตำแหน่งผู้แหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธินตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ทว่า สุดท้ายพรรคพลังประชาชนก็ส่งนายประภัสร์ จงสงวน อดีต ผู้ว่าฯ รฟม. ลงสนามแทน




ที่มาของข่าว ผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2551 21:37 น.


โดย นางสาวธันย์ชนก ทรงนาศึก ID:5131601345 sec.02 สำนักวิชานิติศาสตร์

อภิสิทธิ์ แนะ สมชาย ทบทวนปมขัดแย้งและเร่งหาข้อยุติ


พรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. – "อภิสิทธิ์" แนะนายกฯ ประมวลปมขัดแย้งและเร่งยุติปัญหาแตกแยกอย่างเป็นรูปธรรม ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างรัฐบาลนี้กับรัฐบาลที่แล้ว พร้อมเสนอให้ตอบโต้คำสัมภาษณ์ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" โดยยืนยันกระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ได้มีปัญหา เพื่อแสดงท่าทีว่ายืนข้างประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า จะสร้างความสมานฉันท์ในชาติ ว่า แนวทางหาความปรองดอง เป็นเป้าหมายที่คนไทยทุกคนอยากเห็นอยู่แล้ว หากดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังจะเป็นการเริ่มต้นที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤติได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เรื่องเนื้อหาสาระที่ต้องพูดคุยกัน โดยปมความขัดแย้งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะต้องทบทวนดูว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่เป็นปมความขัดแย้งที่ต้องเร่งหาข้อยุติ และให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับทราบแนวทางและจุดยืนต่าง ๆ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเร่งสรุป เพื่อประมวลและพิสูจน์ให้เห็น โดยเฉพาะคำถามเดิมที่ว่า อะไรคือความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากรัฐบาลเดิม หากตอบไม่ได้ เราก็ไม่เห็นคำตอบ "อยากเห็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในหลายประเด็น ไม่ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือเรื่องที่เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่ผ่านมาว่า จะแก้ไขอย่างไร วันนี้ผมรอฟังนายกฯ อยู่ว่า จะตอบอย่างไรเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของอดีตนายกฯทักษิณ (ชินวัตร) ที่พยายามลดความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะท่านมาจากกระทรวงยุติธรรมด้วย ต้องปกป้องประเทศไทย ปกป้องกระบวนการยุติธรรมของไทย ถ้าแสดงจุดยืนนี้จะช่วยลดความกังวลหรือความระแวงในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ถ้าไม่ทำจะเป็นปัญหาทำให้คนระแวงต่อไป อยากเห็นท่านแสดงท่าทีตอบโต้อดีตนายกฯ เพราะต้องเลือกยืนข้างประเทศไทย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีต้องชี้แจงว่า ปัญหาคดีความต่าง ๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องการเมืองที่จะแก้ด้วยการเมือง แต่เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ หากไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา ก็เป็นเรื่องยากที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤติความขัดแย้งในสังคมได้ และการทำงานก็มีแต่ความยากลำบาก ส่วนกรณีที่ นายสมชาย เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะตอบแทนบุญคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บุญคุณที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ แผ่นดินและประเทศไทย วันนี้นายสมชาย ต้องแสดงให้ชัดเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นบททดสอบว่า จะเลือกยืนข้างใด แต่หวังว่า นายกรัฐมนตรีของไทยต้องยืนยันว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ได้มีปัญหา และการดำเนินการทุกอย่างจะว่าไปตามข้อเท็จจริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่คนไทยอยากเห็นคือ คณะรัฐมนตรีที่ประชาชนยอมรับได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จะต้องไม่มีการต่อรองและแย่งชิงผลประโยชน์ รวมทั้งต้องเร่งทำนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งการสานต่อนโยบายรัฐบาลเดิมและนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลง
ส่วนแผนที่อยากเห็นชัดเจนเร่งด่วนขณะนี้คือ การแก้ปัญหาน้ำท่วม การช่วยเหลือเฉพาะหน้า รวมถึงแผนการฟื้นฟูและการชดเชยค่าเสียหายทันต่อเหตุการณ์ และในเรื่องผลกระทบด้านเศรษฐกิจนั้นได้ย้ำไปแล้วในแง่การบริหารความเชื่อมั่น การบริหารสภาพคล่อง การวางแผนด้านการส่งออก ซึ่งจะต้องประเมินผลกระทบจากการล้มละลายของสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมทั้งผลกระทบที่จะมาถึงกองทุนต่าง ๆ ในประเทศด้วย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายกรัฐมนตรี เข้ามามีบทบาทในการจัดคณะรัฐมนตรีนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครจะมาเสนอหรือมาช่วยจัดโผอะไรก็ตาม แต่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่ต้องพิสูจน์ภาวะการเป็นผู้นำ.-สำนักข่าวไทย
ที่มา: www.msn.co.th
โดย น.ส.ธัญญารัตน์ ฟูเขียว ID.5131601344 Sec. 02 นิติศาสตร์

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

รุดนมัสการ'สมเด็จเกี่ยว' นายกฯรับมีปัญหายุ่งยาก [19 ก.ย. 51 - 18:43]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เข้านมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) หรือสมเด็จเกี่ยว ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับสมเด็จเกี่ยว ว่าไม่ได้ตั้งใจและไม่คิดว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คนในพรรคพลังประชาชนเห็นว่าสามารถทำหน้าที่ได้ และ 2 คนที่เป็นตัวเก็งนายกรัฐมนตรีได้ถอนตัวออกไป ซึ่งตนจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดี ขณะที่การรับตำแหน่งใหม่ หลายเรื่องคิดไม่ถึงว่าจะยุ่งยาก บางครั้งจิตใจว้าวุ่น เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะยุ่งยาก
ขณะที่สมเด็จเกี่ยว ประทานโอวาทว่า เมื่อจำเป็นต้องมาทำหน้าที่ ไม่ใช่การแสวงหา ก็ขอให้ทำงานปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เรื่องอื่นๆ ก็ปล่อยมันบ้าง เพราะเห็นตัวอย่างกันมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ บนบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ด้วย
ส่วนความคืบหน้าการย้ายที่ทำการชั่วคราวของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเจ้าหน้าที่ จากทำเนียบรัฐบาลไปใช้สนามบินดอนเมือง นายจุลยุทธ หิรัณยะวิสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งจัดการความเรียบร้อยในการแบ่งสัดส่วนของสถานที่และจัดเตรียมอุปกรณ์ ซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จทันรัฐบาลชุดใหม่เริ่มปฏิบัติงาน โดยคาดว่าจะใช้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ครั้งแรกในวันที่ 30 กันยายนนี้

โดยหน่วยงานที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่ดอนเมืองประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักปลัดนายกรัฐมนตรีจะมีเพียงบางส่วนที่ย้ายไปดอนเมืองเท่านั้น เพราะนอกจากจะดูเรื่องความเหมาะสมแล้วยังต้องดูความสะดวกของเจ้าหน้าที่ด้วย
ส่วนเอกสารสำคัญที่อยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการประสานงานภายในมายังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว โดยมีการยินยอมให้นำเอกสารสำคัญออกนอกทำเนียบได้ ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และเอกสารการเยียวยาเจ้าหน้าที่ซึ่งประสบภัยจากการทำหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตามจะหารือว่าจะมีการขอเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปตรวจความพร้อมของท่าอากาศยานดอนเมืองที่จะใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ภายในบริเวณห้องรับรองพิเศษที่ 1 ระหว่างอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ซึ่งใช้เป็นที่ทำงานของนายกรับมนตรี และห้องรับรองที่ 2 ที่ใช้เป็นห้องรับรองพิเศษสำหรับต้อนรับแขกของนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงห้องรับรองอีก 4 ห้อง ที่จะถูกจัดสรรให้เป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี

โดยพบว่าอาคารสถานที่มีความพร้อมแล้ว จากนี้จะมีการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่ง เชื่อว่าวันอังคารที่ 23 ก.ย.นี้ จะสามารถใช้เป็นที่ประชุม ครม. รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าทำงานได้ โดยจะใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลนานแค่ไหนนั้น อยู่ที่การปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบรัฐบาลหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนย้ายออกไป



ที่มา http://www.thairath.co.th

โดย นางสาวธันย์ชนก ทรงนาศึก ID:5131601345 sec.02 สำนักวิชานิติศาสตร์

ข่าว ข่าว ข่าว ข่าว ข่าว นายกฯ ต่อสายคุย สนธิ เคลียร์ลงตัว-ตอบรับดี


วันนี้ (19 กันยายน) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) โดยยอมรับว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อหารือถึงแนวทางการปรองดองกับพันธมิตรฯ และร่วมกันแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองขณะนี้แล้ว ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในเรื่องเงื่อนไข หรือโอกาสที่จะมีการเปิดโต๊ะเจรจากันหรือไม่ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของการทำงาน

นาย สมชาย ระบุว่า บางเรื่องต้องพูดคุยกันยาวๆ ขอย้ำว่าเป็นคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะพูดคุยกับทุกคน โดยไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาว่าใครจะไปโกรธหรือเกลียดกัน และต้องทำใจว่า คนที่มีความคิดแตกต่างกันก็สามารถพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (19 กันยายน) นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาลชั่วคราว หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยอมรับว่า แกน นำพันธมิตรฯ มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับตัวแทนรัฐบาล เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะเพิ่งจะพูดจากัน แต่ไม่เคยมีเงื่อนไขในการเจรจา พร้อมปฏิเสธว่า การเจรจาดังกล่าวไม่ใช่การหาทางลงให้กับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ

ทั้ง นี้ พล.ต.จำลอง เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงความจริงใจต่อการบริหารประเทศด้วยความยุติธรรม เป็น ไปตามที่แถลงไว้ภายหลังได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ด้วยการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีภายในประเทศ รวมทั้งยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการจัดสัมนาย่อยเพื่อระดมความคิดเห็น เกี่ยวกับการเมืองใหม่ในวันอาทิตย์ ที่ 21 กันยายนนี้ โดยนายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า หากต้อง มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนก็จะเสนอให้มีการแก้ไขแนวทางการเข้าสู่อำนาจของนักการเมือง โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ไม่ใช่จะมีการแก้เฉพาะส่วนของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่กระทำความผิด ให้สามารถพ้นผิด เหมือนกับที่รัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช ที่พยายามดำเนินการ

ขณะ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันจันทร์นี้ (22 ก.ย.) กลุ่มพันธมิตรฯ จะเปิดเผยตุ๊กตาของการเมืองใหม่เป็นครั้งแรก จะได้รู้ว่ามีขั้นตอนอย่างไร มีสภาอย่างไร มีการเลือกตั้งอย่างไร หรือมี ส.ว.กี่คน ส.ส.กี่คน ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร แต่ถือว่าได้จุดประกายความคิดไปแล้ว



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551


นายกฯใหม่ชวนประชาชนเป็นหุ้นส่วนประเทศ ร่วมแก้ปัญหาชาติ
จ.นนทบุรี 18 ก.ย.- "สมชาย" นายกฯ คนที่ 26 ยันบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นหลักกระบวนการยุติธรรม ระบุความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นได้ และสามารถแก้ไขได้ด้วยความปรองดอง เชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมเป็นหุ้นส่วนประเทศ ฝ่าฟันปัญหาแก้วิกฤติชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.10 น. วันนี้ (18 ก.ย.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาที่บ้านพักของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ในหมู่บ้านเบเวอรี่ฮิลล์ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อตรวจความเรียบร้อยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีการเตรียมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนได้ทยอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อร่วมแสดงความยินดีและเตรียมเข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังมีรักษาการรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากกระทรวงต่างๆ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ตัวแทนภาคเอกชน นักธุรกิจ ทยอยเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวด้วย โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศได้มาปักหลักรายงานข่าวเป็นจำนวนหลายร้อยคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จภารกิจต่าง ๆ ของวันนี้แล้ว นายสมชาย ได้เดินทางกลับเข้าบ้านพัก เวลา 16.30 น. ท่ามกลางสื่อมวลชนที่รุมล้อมถ่ายภาพ โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ตื่นเต้นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ตื่นเต้นแล้ว เมื่อถามว่า เหนื่อยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ถึงจะเหนื่อยแต่ก็เหนื่อยอย่างมีความสุข มีแต่ความปลื้มปิติยินดี เพราะไม่มีคนทำให้เกิดความทุกข์
ด้านนายเฉลิม วงศ์สวัสดิ์ พี่ชายคนที่ 2 ของนายสมชาย เปิดเผยถึงความรู้สึกที่น้องชายได้มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ผ่านมานายสมชาย ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมายเป็นพิเศษ แต่เป็นคนมีความจำดี และได้ทุนเรียนฟรีมาตั้งแต่ชั้นประถามศึกษาปีที่ 4 และพ่อก็อยากให้ลูกเป็นผู้พิพากษา เมื่อมาถึงวันนี้จึงเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว เพราะเป็น 1 ใน 63 กว่าล้านคนที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
จากนั้น เวลาประมาณ 18.54 น. นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง และหลังจากที่นายสมชาย รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ได้กล่าวแสดงความรู้สึก ว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้ เป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัวสูงสุด จะขอเทิดทูนไว้เหนือชีวิตด้วยความจงรักภักดีตลอดไป ขอยืนยันต่อประชาชนที่เคารพทุกคนว่าจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ทุ่มเท เสียสละ ด้วยวิริยะ อุตสาหะ มีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักกฎหมาย ยึดมั่นในหลักกระบวนการยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เรียบร้อยในบ้านเมือง ขณะนี้ ในประเทศเรามีปัญหาที่ต้องแก้ไข คงเป็นที่ทราบว่า บางครั้งเรามีความขัดแย้งทางความคิด ความขัดแย้งเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ แต่เราต้องมองว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำไงจึงจะนำพาไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ และความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมืองเราต่อไป
"ผมคิดว่าสิ่งนี้ คงต้องคิดกันอย่างรอบคอบและมีเหตุผล ผมประสงค์ให้ประชาชนชาวไทยของเราได้กลับมาร่วมกันคิดว่าความเป็นพี่น้องของเรานั้น ต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความเป็นชาติ ความเป็นปึกแผ่นแน่นหนา ความเจริญก้าวหน้าของพี่น้องประชาชนร่วมกันนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราน่าจะหันหน้าเข้ามาสู่ความปรองดองอะลุ้มอล่วยให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือโทษโกรธกัน และต้องมีความเมตตาอารีเอื้ออาทรแก่กัน ผมคิดว่าสิ่งนี้ย่อมมีอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ถ้าเรามีวิธีคิดที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ผมคิดว่า หากเรายึดหลักนี้แล้ว ประเทศเราจะกลับมาสู่ความร่มเย็นเป็นสุข ภายใต้พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา จะทำให้เราได้ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติให้วัฒนาถาวรต่อไป" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้เรามีปัญหาอื่นที่ต้องร่วมกันแก้ไขอีกมากมาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ซึ่งรัฐบาลของตนที่จะเกิดขึ้นสมบูรณ์ในเร็ววันนี้จะคำนึงถึงประโยชน์สุข ความอยู่ดีกินดีของประชาชน เป้าหมายสุงสุดคือการร่วมกันนำพาประชาชนของเรา ประเทศชาติของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร เรามีปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าจากหลายด้าน ทั้งเรื่องเงินทุนไหลเข้าน้อย ปัญหาที่บริษัทต่างชาติที่มีเงินทุนจำนวนมากประสบความล้มเหลวในการบริหาร กระทบกระเทือนภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย หากเราไม่ช่วยกันแก้ไขแล้ว ใครจะมาช่วยเราแก้ไข คนไทยเท่านั้นที่ต้องหันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
"ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศ รัฐบาลมีหน้าที่บริหารให้เกิดพลังและผลักดันประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าประชาชนในชาติไม่รักสามัคคีกัน ไม่ร่วมกันผลักดันแล้ว คงจะสำเร็จได้ยาก หวังว่าประชาชนทั้งหลายคงร่วมมือกัน ณ โอกาสนี้ ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่จะมีโอกาสเข้ามาร่วมกันสร้างความรักสามัคคี ร่วมกันเสริมสร้างภาวะเศรษฐกิจที่ดีให้แก่บ้านเมืองของเรา ขอขอบคุณสื่อมวลชน เพื่อนข้าราชการที่จะนำความประสงค์ของประชาชนไปปฏิบัติให้เป็นความจริง ถ้าทุกฝ่าย ทุกคนร่วมมือกันแล้ว มั่นใจว่าความประสงค์ของเราทุกคนจะประสบความาสำเร็จพร้อมกัน นำพาประเทศชาติของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในที่สุด" นายสมชาย กล่าว
ที่มา: www.msn.co.th
โดย น.ส. ธัญญารัตน์ ฟูเขียว ID.5131601344 Sec.02 นิติศาสตร์

6 พรรคโหวต"สมชาย"ขึ้นวอ พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบฯ ไล่ต่อ

6 พรรคร่วมฯ แถลงข่าวหนุน"สมชาย" เป็นนายกฯ ในการโหวตวันนี้ หลังเคลียร์ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ราบคาบ ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีบรรลุเป้า ขณะที่"สมชาย"ยันพร้อมเจรจาพันธมิตรฯ ยุติความขัดแย้ง ส่วนคดี"แม้ว"ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ด้านปชป.เตือนรัฐบาลใหม่อย่าท้าทายประชาชน ลั่นเดินหน้าตรวจสอบเต็มที่ "ชลิต" หนุนประชาภิวัฒน์ ห่วงปัญหาสายสัมพันธ์ "สมชาย-แม้ว" ด้านพันธมิตรฯไม่สน"สมชาย"นั่งนายกฯ ชี้เป็นนอมินีชัดเจนกว่า"สมัคร" เพราะเป็นน้องเขยของผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ยันชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนอมินีต่อไป "จำลอง" ย้ำ 9 แกนนำพันธมิตรฯพร้อมให้จับกุมแต่ตำรวจต้องมาจับในทำเนียบฯ

หลังจาก 73 ส.ส.พรรคพลังประชาชน ในนาม"กลุ่มเพื่อนเนวิน" ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านมติกรรมการบริหารพรรค ที่เสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในการโหวตของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ จนทำให้พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องออกมาขู่ว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้ก็อาจจะต้องยุบสภา ทำให้กลุ่มเพื่อนเนวิน ต้องประชุมหารือกันตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (16 ก.ย.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น นายสมชาย ได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย เพื่อชี้แจงข้อข้องใจต่างๆ ของสมาชิก ซึ่งในที่สุดก็สามารถตกลงกันได้ โดยสมาชิกของกลุ่มยอมทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาในช่วงบ่าย จึงได้มีการประชุมพรรคพลังประชาชน โดยมีวาระพิเศษ เพื่อยืนยันเป็นมติพรรค ในการเสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยรท.กุเทพ ใสกระจ่างโฆษกพรรคพลังประชาชน และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองโฆษกพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าว ผลการประชุมเมื่อเวลา 15.00น. โดย รท.กุเทพ กล่าวว่า จากการที่พรรคได้เปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนเนวิน ประกอบกันคณะกรรมการบริหาร ได้ชี้แจงเหตุผลในการเสนอชื่อ นายสมชาย ก็ทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้ว จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอชื่อนายสมชาย เป็นนายกฯ คนที่ 26 ตามมติเดิมของกรรมการบริหารพรรค

ขณะที่นายศุภชัย กล่าวว่า ในการลงมติวันนี้ ทางกลุ่มเพื่อนเนวิน ยืนยันว่า จะปฎิบัติตามมติพรรคอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมกลุ่มเพื่อนเนวิน จึงเปลี่ยนใจง่ายดายนัก ทั้งๆที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมายังยืนกรานว่า ไม่เอานายสมชายอยู่เลย ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคได้มีการ ชี้แจงเหตุผล ทำความเข้าใจกัน ตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนที่มีข่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีจาก 4 ตำแหน่งเป็น 6 ตำแหน่ง นั้น ไม่มีแน่นอน ยืนยันว่าทางกลุ่มไม่เคยยื่นเงื่อนไขต่อรองตำแหน่งใดๆ เรายึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ


ลั่นชุมนุมยืดเยื้อไล่นอมินีคนใหม่
วานนี้ (16 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 19.10 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันนี้ (17 ก.ย.) ว่า คงมีความชัดเจนแล้วว่า นายกฯ คนใหม่คงจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ว่ากลุ่มของเพื่อนนายเนวินคงจะสมประโยชน์ในการจัดสรรโควตาทางการเมือง รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ที่ได้ร่วมกันฉีกสัตยาบัน 5 ข้อ ที่เคยให้ไว้กับสังคมในการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการตบหน้าประชาชนอย่างแรง

แม้พันธมิตรฯ จะพยามยามชี้ทางออกให้แก่พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอรัฐบาลแห่งชาติ การเมืองใหม่ รัฐบาลประชาภิวัฒน์ แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธและไม่เห็นความสำคัญ เชื่อว่าในวันนี้แม้จะมีนายกฯ คนใหม่ สภาก็ไม่สามารถหาทางออกให้แก่บ้านเมืองได้อย่างแท้จริง แต่จะยิ่งตอกย้ำความเป็นนอมินี ให้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับนายสมัคร สุนทรเวช เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายสมชาย มีความใกล้ชิดขนาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการได้ ฉะนั้น ความตึงเครียดทางการเมืองก็ยังอยู่ต่อไปอีกนานพอสมควร ซึ่งเป็นเหตุผลที่พันธมิตรฯ จะยืนยันที่จะชุมนุมยึดเยื้อระยะยาว เพราะจุดยืนของเราคือ การต่อต้านรัฐบาลนอมินี

"เราไม่สนใจว่าคุณสมชาย จะมีนโยบายอะไร แต่ผมอยากจะถามนายสมชาย ว่าที่นายกฯคนใหม่ว่าถ้าหากเป็นนายกฯแล้วจะมีแนวทางนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างไร เพราะคุณทักษิณเป็นพี่เขยว่าที่นายกฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็เตรียมอ่านคำพิพากษาวันเดียวกับน้องเขยของผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ได้รับเลือกเป็นนายกฯคงเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ประชาคมโลกสนใจ แนวทางของนายกฯผู้เป็นน้องเขย ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน ที่เป็นคำถามสำคัญที่คุณสมชาย จะต้องอธิบายให้ได้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมว่ามีการแทรกแซงจากอำนาจข้างนอก ซึ่งนายกฯคนใหม่ต้องอธิบาย ซึ่งพันธมิตรฯก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับสภาในวันนี้ เพราะเกมการเมืองยังอยู่ในมือทักษิณ ความไม่ลงตัวในพรรคร่วมก็เป็นเพียงละครน้ำเน่า สุดท้ายก็จบลงที่ผลประโยชน์ ข้อเสนอดีๆ ของสังคมก็ไม่มีราคาสำหรับนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน"นายสุริยะใส กล่าว

ด้าน นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ประธานกลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กล่าวว่า กลุ่มสาธิตมัฆวานฯ กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย และกลุ่ม Young PAD ได้ร่วมการจัดงาน Democracy In Town ถนนคนรักชาติ ดนตรี กวี ศิลปะ และการเมือง ในวันเสาร์ที่ 20 -21ก.ย. นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นทางประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีการจัดกิจกรรมด้านต่างๆมากมาย


ข้อมูลจาก ผู้จัดการ Online โดย ผู้จัดการรายวัน 17 กันยายน 2551 01:06 น

เขียนโดย นางสาวชณัฐดา โยธาวุฒิ ID: 5131601288

สำนักวิชานิติศาสตร์ sec: 02

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

"ชัย"เข้าเฝ้า"ในหลวง"เย็นวันนี้ ทูลเกล้าฯชื่อ"สมชาย"นายกฯ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ประ ธานสภาผู้แทนราษฎร นำรายชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยในเย็นวันนี้ (18ก.ย.)

(18ก. ย.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อนำรายชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ บุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ณ พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านพักหมู่บ้านเบเวอร์รี่ฮิลล์ ถนนแจ้งวัฒนะของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีการจัดเตรียมสถานที่เพื่อรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่ง ตั้งแล้ว โดยมีรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ทุกช่องจัดเตรียมสถานที่ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คมชัดลึก
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

น้ำท่วมตัดขาด ถ.มิตรภาพ ขอนแก่น ขาเข้า

ตำรวจทางหลวง ขอนแก่น เผย ถนนสายมิตรภาพมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ถูกตัดขาดแล้ว 10 จุด เนื่องจากระดับน้ำยังสูงต่อเนื่องพร้อมแนะให้ประชาชนใช้เส้นทาง ขอนแก่น-มหาสารคาม แทนชั่วคราว
พ.ต.ท.นเรศ ขมิ้นเครือ รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลอดแนวถนนมิตรภาพ เส้นทางมุ่งหน้าเข้าสู่ กทม. และเส้นทางขาเข้าตัวเมืองขอนแก่น ถูกตัดขาดแล้ว รวมกว่า 10 จุด อันมีผลมาจากระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปิดช่องทางการเดินรถทั้งฝั่งขาขึ้นและขาล่อง ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะที่กิโลเมตรที่ 29 ต.ท่าพระ อ.เมือง กิโลเมตรที่ 407-408 อ.บ้านไผ่ กิโลเมตรที่ 431-432 กิโลเมตรที่ 445-446 อ.น้ำพอง และถนนสายเลี่ยงเมืองขอนแก่น-กทม.-เลย และขอนแก่น-กาฬสินธุ์ และระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถที่จะสัญจรผ่านไปมาได้ ส่งผลให้มีสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก ยาวกว่า 10 กิโลเมตร ขณะที่สะพานข้ามแม่น้ำชีรวม 3 จุด ได้ถูกตัดขาดโดยทั้งหมดแล้วเช่นเดียวกัน พ.ต.ท.นเรศ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาที่ จ.ขอนแก่น ได้มีการแนะนำให้ใช้เส้นทางนครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น ขณะที่การเดินทางเข้าสู่กทม. นั้น ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางขอนแก่น มหาสารคาม และนคราชสีมา แทน

ที่มา : http://www.innnews.co.th/local.php?nid=133258
เขียนโดย : นส.จันทนีย์ กิตติศักดิเสรี
5131601263 sec 2 Law

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

โปรดเกล้าฯตั้ง'178 นายพล'มีผล1ตุลาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพล 178 นายแล้ว พร้อมพระราชทานยศให้ 72 ราย มี
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เผย “วันชัย ศรีนวลนัด” รับพระราชทานยศ “พล.ต.อ.” เป็นที่ปรึกษา สบ 10 ส่วน “เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์” ได้รับพระราชทานยศ “พล.ต.ต.” ดูแลงานบริหารให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับสนอง พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการ ตำรวจในตำแหน่งต่าง ๆ รวม 178 ราย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 51 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ในคราวเดียวกันมีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศตำรวจชั้นนายพลให้แก่ข้าราชการตำรวจสัญญาบัตรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ 72 ราย

สำหรับรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทั้งหมด 178 นาย มีดังนี้

1. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็น รอง ผบ.ตร.
2. พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น ที่ปรึกษา (สบ 10)
3. พล.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา จตร. (สบ 8) เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.
4. พล.ต.ท. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบช.ก. เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.
5. พล.ต.ท. สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผบช.สทส. เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.
6. พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง จตร. (สบ 9)
7. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.
8. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.3
9. พล.ต.ท. จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ศ.
10. พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
11. พล.ต.ท. ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.สนว.
12. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ จตร. (สบ 8) เป็น ผบช.ภ.7
13. พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.8 เป็น ผบช.ภ.9
14. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ ผบช.ภ.ตร. เป็น จตร. (สบ 8)
15. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.6
16. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 เป็น ผบช.ก.
17. พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
18. พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุริโย รอง ผบช.ตชด. เป็น ผบช.ตชด.
19. พล.ต.ต.ชนินทร์ ปรีชาหาญ รอง ผบช.ภ.1 เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
20. พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.ก. เป็น จตร. (สบ 8)
21. พล.ต.ต.ณรงค์ ศิริสุนทร รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร.
22. พล.ต.ต.ดิเรก มโนลีหกุล รอง ผบช.ส. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
23. พล.ต.ต.ไถง ปราศจากศัตรู รอง ผบช.ภ.6 เป็น จตร.
24. พล.ต.ต.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ รอง ผบช.ศ. เป็น จตส.
25. พล.ต.ต.ประยูร อำมฤต รอง จตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
26. พล.ต.ต.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร.
27. พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น จตร.
28. พล.ต.ต.สมยศ ดีมาก รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) เป็น นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8)
29. พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ภ. เป็น ผบช.สทส.
30. พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. เป็น ผบช.น.
31. พล.ต.ต.สุชัย สุขพันธ์โพธาราม รอง จตร. เป็น ผบช.ประจำ สง. ผบ.ตร.
32. พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รอง ผบช.ภ.5 เป็น จตร.
33. พล.ต.ต. สัณฐาน ชยนนท์ รอง ผบช.ภ.8 เป็น ผบช.ภ.8
34. พล.ต.ต.อาจิณ โชติวงศ์ รอง ผบช. ภ.7 เป็น ผบช. ก.ตร.
35. พล.ต.ต.อุดม รักศิลธรรม รอง ผบช.ปส. เป็น จตร.
36. พล.ต.ต.อัศวิน ณรงค์พันธุ์ รอง ผบช.ภ.3 เป็น ผบช.ภ.4
37. พล.ต.ต.ดำริห์ โชตเศรษฐ์ รอง ผบช. กมส. เป็น รอง ผบช.น.
38. พล.ต.ต.ทวีชัย วิริยะโกศล รอง ผบช.สทส. เป็น รอง ผบช.ภ.6
39. พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบชน. เป็น รอง ผบช.ภ.8
40. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง จตร. เป็น รอง ผบช.สทส.
41. พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุ สมบัติ รอง ผบช.ภ.2 เป็น รอง ผบช.ส.
42. พล.ต.ต. หม่อมหลวงพันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
43. พล.ต.ต. ภัทรชัย หิรัญญะเวช รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.กมส.
44. พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภ.5 เป็น รอง ผบช.ภ.1
45. พล.ต.ต.รัฐวิทย์ แสนทวีสุข รอง ผบช.สตม. เป็น รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. 46. พล.ต.ต.เรืองชัย วัจนะพุกกะ รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ประจำรอง ผบ.ตร.)
47. พล.ต.ต.สุทิน เขียวรัตน์ รอง ผบช.ภ.4 เป็น รอง ผบช.3
48. พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.สตม. 49. พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผบก.กช. เป็น รอง จตร.
50. พล.ต.ต.โกสินธ์ บุญสร้าง ผบก.สอ.บช.ตชด. เป็น รอง ผบช.ตชด.
51. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก. ตปพ. (191) เป็น รอง ผบช.น.
52. พล.ต.ต.ณรงค์ มณีนพ ผบก.ตชด.ภ.1 เป็น รอง ผบช.ตชด.
53. พล.ต.ต.ณรงค์ ศิวาพานิช ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เป็น รอง ผบช.ภ.7
54. พล.ต.ต.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็น รอง จตร.
55. พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ผบก.อก.บช.ภ.6 เป็น รอง จตร.
56. พล.ต.ต.ธีรวัฒน์ ณ ป้อมเพชร ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ศ.
57. พล.ต.ต.บรรฑป สุคนธมาน ผบก.ภ.จว.ลำปาง เป็น รอง ผบช.ภ.5
58. พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เป็น รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร.
59. พล.ต.ต.ประพันธ์ พานิคม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เป็น รอง ผบช.ภ.5
60. พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก.น.9 เป็น รอง ผบช.ภ.2
61. พล.ต.ต.พจน์ ไทยกล้า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เป็น รอง ผบช.ภ.6
62. พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. 63. พล.ต.ต.ไมตรี ศรีวัชรานนท์ ผบก.กองตรวจสอบและทะเบียนประวัติ เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
64. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 เป็น รอง ผบช.ก.
65. พล.ต.ต.วุฒิ พิพัฒนบวรกุล ผบก.อก.จตร. เป็น รอง จตร.
66. พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบก.ภ.จว.สระบุรี เป็นรอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. 67. พล.ต.ต.สุรชัย วาณิชเสนี ผบก.อก.บช.น. เป็น รอง ผบช.ก.
68. พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ ผบก.วท.3 เป็น รอง ผบช.
69. พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ ผบก.อก.บช.ภ.2 เป็น รอง ผบช.สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่รองหัวหน้างานด้านยุทธศาสตร์)
70. พล.ต.ต.สัมพันธ์ เศรษฐาภรณ์ ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
71. พล.ต.ต.อมเรศฤทธิ์ วัฒนวิบูลย์ ผบก. ปส.1 เป็น รอง ผบช.ปส.
72. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก. น.1 เป็น รอง ผบช.น.
73. พล.ต.ต.อุดมเดช กปิตถา ณ อยุธยา ผบก.ภ.จว.เลย เป็น รอง ผบช.ภ.4
74. พล.ต.ต. อัตถกิติ ผลชอบ ผบก.ตชด.ภ.2 เป็น รอง ผบช.ตชด.
75. พล.ต.ต.เอกพันธ์ ศรีศักดิ์สกุล นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตร. เป็นรองแพทย์ใหญ่ (สบ 7)
76. พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เป็น ผบก.อก.ภ.7 77. พล.ต.ต.โกศล บัวประเสริฐ ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ปปป.
78. พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก. ภ.จว.มุกดาหาร เป็น ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ 79. พล.ต.ต. คเชนทร์ คชพลายุกต์ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็น ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม
80. พล.ต.ต.ชูชาติ สุวรรณาคม ผบก.จต.2 เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
81. พล.ต.ต. ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เป็น ผบก.ภ. จว.สมุทรปราการ
82. พล.ต.ต.ชัชวาล สุคนธมาน ผบก.ภ.จว.แม่ ฮ่องสอน เป็น ผบก.ภ.จว.ลำปาง 83. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบก.ส.3 เป็น ผบก.ปดส.
84. พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.รฟ. เป็น ผบก.น.5
85. พล.ต.ต. จรัญ ชิตะปัญญา ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ เป็น ผบก.ภ. จว.สิงห์บุรี 86. พล.ต.ต.จักรกฤษศณ์ สิงห์ศิลารักษ์ ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.วช. 87. พล.ต.ต.ฐณพล มณีภาค ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตช. เป็น ผบก.อก.ภ.2
88. พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ พงษ์สิมา ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี เป็น ผบก. ภ.จว.ศรีสะเกษ
89. พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ ผบก. ภ.จว.ลพบุรี เป็น ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ 90. พล.ต.ต. ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรงค์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เป็น ผบก.ภ.จว.นนทบุรี
91. พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เป็น ผบก.ภ.จว.ระยอง
92. พล.ต.ต. ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร เป็น ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก 93. พล.ต.ต.ธวัชชัย เจริญสม ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.กง. 94. พล.ต.ต. ประชา ชัชวาลา ผบก.ศปก.ตร. เป็น ผบก.กพบ.
95. พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เป็น ผบก.ปทส.
96. พล.ต.ต.ปราโมทย์ เอี่ยมทัศน์ ผบก.ภ. จว.หนองคาย เป็น ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร
97. พล.ต.ต. พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เป็น ผบก.กองบังคับการสนับสนุน
98. พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ
99. พล.ต.ต.พิชัย เจียมบุรเศรษฐ์ ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เป็น ผบก.อก.ภ.6
100. พล.ต.ต.พิสัณห์ อาวีกร วรเทพ นิตินันท์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เป็น ผบก.ภ.จว.เลย
101. พล.ต.ต.ไพโรจน์ ตันวิสุทธิ์ ผบก.ประจำ สง.จตร. เป็น ผบก.สส.
102. พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันทน์ ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่รองหัวหน้าฝ่ายอำนวยการประจำรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ)
103. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.นครปฐม เป็น ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์
104. พล.ต.ต.เลิศศักดิ์ วิทยาพันธุ์ ผบก.ประจำ สง. ผบ.ตร. เป็น ผบก.ภ.จว.พังงา
105. พล.ต.ต.วรวุฒิ นาสมพันธุ์ ผบก.ภ.จว. หนองบัวลำภู เป็น ผบก.ภ.จว.หนองคาย
106. พล.ต.ต. วิชัย รัตนยศ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่บริหารและให้คำปรึกษาด้านป้องกันปราบปราม)
107. พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ. จว.สมุทรปราการ เป็น ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี
108. พล.ต.ต. วิรัช วัชรขจร ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น ผบก.ภ. จว.เพชรบุรี 109. พล.ต.ต.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบก. ตป. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่บริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศฯ)
110. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปดส. เป็น ผบก.ภ.จว.อ่างทอง
111. พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล เลขานุการ ตร. เป็น ผบก.จร.
112. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบก. ปทส. เป็น ผบก.ตปพ.
113. พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร เป็น ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร 114. พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก. ประจำ (ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ)
115. พล.ต.ต.สถิตย์ นันทวิสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม เป็น ผบก.อก.สนว. 116. พล.ต.ต.สมบูรณ์ ขจรสารสิทธิ์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่บริหาร และให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์)
117. พล.ต.ต.สมเกียรติ ธรรมนิยาย ผบก.อก.ผบ.ตชด. เป็น ผบก.ตชด.ภ.1
118. พล.ต.ต.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ปส. 1
119. พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.อก.ภ.7 เป็น ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช
120. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 เป็น ผบก. น.2
121. พล.ต.ต. สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.อก.บช.ก. เป็น ผบก.อก.บช.น.
122. พล.ต.ต.สุรพงศ์ ศิริภักดี ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.รฟ.
123. พล.ต.ต.สุรเจตน์ ธรรมธำรง ผบก. อก.บช.ปส. เป็น ผบก.ตป.
124. พล.ต.ต.เสนีย์ พิมลศิริ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ส.2
125. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.3 เป็น ผบก.น.1
126. พล.ต.ต.อุฬาร อเนกบุณย์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ภ.จว.สระบุรี 127. พ.ต.อ.กำพล ทับทิมไทย รอง ผบก.อก.ภ.4 เป็น ผบก. ภ.จว.หนองบัวลำภู 128. พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ รักษาสัตย์ รอง ผบก.จว.อุบลราชธานี เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
129. พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ รอง ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ)
130. พ.ต.อ.ชวลิต กิ่งเนตร รอง ผบก.ภ. จว.พะเยา เป็น ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน 131. พ.ต.อ. ชวลิต ชาญเวชช์ รอง ผบก.ภ.จว.พิจิตร เป็น ผบก.ภ. จว.พิจิตร
132. พ.ต.อ.ชาตรี ศานติวิจัย นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานตา รพ.ตร. เป็น นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตร.
133. พ.ต.อ.ชาติชาย แดงเอี่ยม รอง ผบก.ภ. จว.ระยอง เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
134. พ.ต.อ. ชาลี เทพา รอง ผบก.ภ.จว.ยโสธร เป็น ผบก.อก.ตชด.
135. พ.ต.อ.โชติ วีรเดชกำแหง รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง เป็น ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์
136. พ.ต.อ.โชติ ไทยยิ่ง รอง ผบก.ตชด.2 เป็น ผบก.ตชด.2
137. พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.ป. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
138. พ.ต.อ.จิรเดช เกรียงศักดิ์พิชิต รอง ผบก. (หน.วิชาสืบสวน) เป็น ผบก.อก.ปส.
139. พ.ต.อ.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบก.ป. เป็น ผบก.ส.3
140. พ.ต.อ.ดร ปิ่นเฉลียว รอง ผบก.อก.ตชด. เป็น ผบก.ตชด.3
141. พ.ต.อ.เทพ อมรโสภิต รอง ผบก.ตชด.3 เป็น ผบก.สนับสนุนทางอากาศ 142. พ.ต.อ.เทพฤทธิ์ พรรณพัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เป็น ผบก.อก.บช.ก.
143. พ.ต.อ.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ รอง ผบก.ตป. เป็น ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร.
144. พ.ต.อ.ธเนตร์ พิณเมืองงาม รอง ผบก.ภ. จว.สระแก้ว เป็น ผบก.ภ.จว.จันทบุรี
145. พ.ต.อ.(หญิง) นัยนา เกิดวิชัย ศาสตราจารย์ (สบ 5) ภาควิชากฎหมายปกครองและกฎหมายทั่วไป กลุ่มงานวิชากฎหมาย กองบังคับการวิชาการ เป็น ศาสตราจารย์ (สบ 6) ภาควิชากฎหมายปกครองและกฎหมายทั่วไป กลุ่มงานวิชากฎหมาย กองบังคับการวิชาการ
146. พ.ต.อ.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบก.วท.3 เป็น ผบก.วท.3
147. พ.ต.อ.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบก.ปส.3 เป็น ผบก.ปส.3
148. พ.ต.อ. พิชัย ศิลาทอง รอง ผบก. สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
149. พ.ต.อ.พิศาล มุขแจ้ง ศาสตราจารย์ (สบ 5) ภาควิชาอาชญาวิทยาและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กลุ่มงานวิชาการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กองบังคับการวิชาการ เป็น ศาสตราจารย์ (สบ 6) ภาควิชาอาชญาวิทยาและอาช ญากรรมทางเศรษฐกิจ กลุ่มงานวิชาการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
150. พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
151. พ.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รอง ผบก.งานวิเคราะห์ศูนย์ดำเนินกรรมวิธีข่าวกรอง บช.ส. เป็น ผบก.กต. 2 จตร.
152. พ.ต.อ.ภักดี จิรางกูร รอง ผบก.ภ.จว.นครศรี ธรรมราช เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
153. พ.ต.อ. มงกุฎ เจียรณัย รอง ผบก.กองพัฒนาการจราจรและบริการประชาชน เป็น ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร.
154. พ.ต.อ. มณฑล มีอนันต์ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เป็น ผบก. ประจำสำนักงานจเรตำรวจ
155. พ.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบก.ทท. เป็น เลขานุการตำรวจแห่งชาติ (สบ 6) 156. พ.ต.อ.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบก.กต.5 จตร. เป็น ผบก.ประจำ จต.
157. พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว รอง ผบก.ศสส.ภ.8 เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. 158. พ.ต.อ. วารินทร์ แก้วชมภู รอง ผบก.กลุ่มงานตรวจสอบภายใน 2 สำนักตรวจสอบภายใน เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
159. พ.ต.อ.วาสุกรี คำพิทักษ์ รอง ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา เป็น นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตร.
160. พ.ต.อ. วิชัย ปิยะวงศ์วัฒนา รอง ผบก.กองนิติการ เป็น ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร.
161. พ.ต.อ.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานวิสัญญีวิทยา รพ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
162. พ.ต.อ.วีระศักดิ์ ชลายนคุปต์ รอง ผบก. ปทส. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. 163. พ.ต.อ.ศุภกิจ ศรีจันทรานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
164. พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก รอง ผบก.อก.ภ.7 เป็น ผบก.ภ.จว.นครปฐม
165. พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เป็น ผบก.น.3
166. พ.ต.อ.สถิต ตันสงวน รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เป็น ผบก.ภ.จว.ลพบุรี
167. พ.ต.อ.สมบัติ คงพิบูลย์ รอง ผบก. ภ.จว.สกลนคร เป็น ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ 168. พ.ต.อ.สุกิจ เศรษฐิยานันท์ รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
169. พ.ต.อ.สุรชัย วัชรโยธิน นักวิทยาศาสตร์ (สบ 5) พฐ. เป็น ผบก.สง.นิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ
170. พ.ต.อ.สุรชัย สืบสุข รอง ผบก.สส. เป็น ผบก.ภ.จว.นราธิวาส
171. พ.ต.อ.สุรพล หอมชื่นชม รอง ผบก.รน. เป็น ผบก.ศปก.ตร.
172. พ.ต.อ.สุรพล อยู่นุช รอง ผบก.ประจำ จต. เป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.
173. พ.ต.อ.สักกฉัฐ กิตติขจร รอง ผบก.น.9 เป็น ผบก.น.4
174. พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบก.สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน เป็น ผบก.ภ.จว.เชียงราย
175. พ.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง ผบก.กต. 2 จตร. เป็น ผบก.อก.จต.
176. พ.ต.อ. อภิชาต วิชัยธนพัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เป็น ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์
177. พ.ต.อ.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบก.อก.ปส. เป็น ผบก.ปว.
178. พ.ต.อ.อัศวิน ธรรมพิทักษ์ รอง ผบก.กองนิติการ เป็น ผบก.ก.ตร.


ที่มา http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=176894&NewsType=1&Template=1

นางสาวธันย์ชนก ทรงนาศึก ID:5131601345 sec.02 สำนักวิชานิติศาสตร์

ยอดเหยื่อพายุไอค์ในสหรัฐเพิ่มเป็นเกือบ 40 ราย

เฮอริเคนไอค์ทำชาวอเมริกันขาดแคลนน้ำมัน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นเกือบ 40 รายแล้ว

(16ก.ย.) ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เตือนเมื่อวานนี้ว่า ชาวอเมริกันจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำมัน เนื่องจากพายุเฮอริเคนไอค์ ทำให้การผลิตน้ำมันต้องหยุดชะงัก และทำให้ราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ในหลายพื้นที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้วถึงแกลลอนละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ แต่รัฐบาลกลางจะลงไปช่วยกำกับดูแลให้ผู้บริโภคได้ใช้น้ำมันราคาที่เป็นธรรม ซึ่งขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ประสบภัยต้องเข้าคิวกันยาวหลาย กิโลเมตรเพื่อรอเติมน้ำมันตามปั๊ม

ประธานาธิบดีบุช มีแผนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยในเมืองกัลเวสตัน และนครฮูสตันในรัฐเท็กซัส ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เขาบอกว่าความเสียหายจากพายุ ซึ่งพัดขึ้นฝั่งด้วยความรุนแรงระดับ 2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ เพราะโชคดีที่ตาพายุไม่ได้พัดผ่านนครฮูสตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีแหล่งใหญ่ของประเทศ แต่ก็ทำให้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งต้องหยุดทำการนานหลายวัน เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้

ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไป หลังจากพายุได้คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 39 รายใน 10 รัฐ และทำให้ต้องอพยพประชาชนนับล้านคนในรัฐเท็กซัส เจ้าหน้าที่วิตกว่า จะพบศพเพิ่มมากกว่าจะพบผู้รอดชีวิตเพราะยังเข้าไม่ถึงแถบที่ถูกพายุถล่มราบ ในแถบชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก

พายุเฮอริเคนไอค์ พัดขึ้นฝั่งที่รัฐเท็กซัส ก่อนเคลื่อนตัวผ่านทางตอนกลางของสหรัฐ ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายรัฐในแถบมิดเวสต์ /ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ได้ประกาศเขตภัยพิบัติใน 7 เขตของนครชิคาโก้ที่กำลังเผชิญกับน้ำท่วมหนัก และ คาดว่าจะมีน้ำท่วมในรัฐมิสซูรีในสัปดาห์นี้ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำมิสซูรีกำลังเอ่อขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ทางการเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วรัฐเท็กซัส โดยการนำอาหาร น้ำ และน้ำแข็งเข้าไปแจกจ่ายประชาชนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่ประชาชนกว่า 2 ล้านคนจะกลับมามีไฟฟ้าใช้ได้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับประชาชน 2 ล้านคนในรัฐโอไฮโอ และอีกหลายพันคนในอินเดียน่า อาร์คันซอ มิสซูรี เพนซิลวาเนีย และนิวยอร์ก ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก คมชัดลึก

โดย น.ส.อรวรรณ พงษ์พานิช ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

รมต.มาเลย์ลาออกประท้วงรัฐบาล


ปุตราจายา-รัฐมนตรีลาออกประท้วงรัฐบาล เมืองราชการแห่งใหม่มาเลย์กลายสภาพเป็นเมืองสุดโทรม

นาย ซายอิด อิบราฮิม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องกฎหมาย ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ใช้อำนาจกฎหมายความมั่นคงภายในฉบับใหม่ (ไอเอสเอ) จับกุมนักการเมืองฝ่ายค้านและสื่อมวลชนทั้งหมด 3 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายซายอิดกล่าวว่า กฎหมายไอเอสเอเปิดโอกาสให้รัฐใช้อำนาจในทางที่ผิด กฎหมายนี้ควรมีไว้เพื่อใช้จัดการผู้ก่อการร้ายหรือผู้ที่จ้องจะล้มล้าง รัฐบาลด้วยอาวุธเท่านั้น หากใช้ไอเอสเอเพื่อกักขังประชาชน ก็แสดงให้เห็นว่าทุกคนไม่มีความเชื่อมั่นในผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยเข้าร่วมรัฐบาลเพราะเชื่อว่าจะมีการปฏิรูป แต่การปฏิรูปไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากรัฐบาลยังมีความคิดแบบเก่าอยู่

ขณะ เดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมืองปุตราจายา ที่อดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด หวังจะสร้างให้เป็นเมืองหลวงใหม่แห่งการบริหารด้วยงบประมาณก่อสร้างมหาศาล ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านริงกิต (กว่า 1.8 แสนล้านบาท) ได้ทรุดโทรมกลายเมืองที่มีแต่รอยร้าว โดยนายมหาธีร์กล่าวว่า รู้สึกเศร้าใจที่เห็นเมืองนี้มีแต่รอยแตกร้าวของแผ่นกระเบื้องและทางเท้า ในช่วงเวลาผ่านมาไม่ถึงสิบปี นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2539

สิ่ง ที่แสดงถึงความล้มเหลวที่สุดของการสร้างเมืองใหม่คือ ย่านอนุสรณ์สถานที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างจนเกินเลย การสร้างมัสยิดริมทะเลสาบ ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่าด้วยความศรัทธา ทำเนียบนายกรัฐมนตรีที่เป็นรูปโดมสีเขียวอยู่บนยอด ก็เหมาะสำหรับประเทศที่มีกษัตริย์เป็นเจ้าครองนคร ไม่ใช่ประเทศประชาธิปไตยที่ผู้นำมาจากการเลือกตั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คมชัดลึก
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

พายุเฮอริเคน"ไอค์"ทำแท่นขุดเจาะน้ำมันเสียหาย 10 แห่ง


พายุเฮอริเคน"ไอค์"ทำแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเสียหายประมาณ 10 แห่ง อาจทำให้น้ำมันในสหรัฐฯแพงขึ้น

(16ก. ย.) เอลีน แอลเจลิโค โฆษกหญิงของสำนักงานจัดการแร่ธาตุสหรัฐฯ หรือ MMS เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า จากผลการสำรวจคร่าวๆ ทางอากาศ คาดว่า เฮอริเคน"ไอค์" ที่เข้าถล่มแถบศูนย์กลางการขุดเจาะน้ำมันแถบอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯเมื่อเช้า วันเสาร์ แม้จะสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่คาด แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับแท่นขุดเจาะน้ำมันประมาณ 10 แห่งจากทั้งหมด 3,800 แห่งในอ่าวเม็กซิโก และท่อส่งน้ำมันบางส่วน

แม้ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะยังไม่ทราบจำนวนแน่นอนของแท่นขุดเจาะที่เสียหาย แต่ก็วิตกว่าพายุอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน อันจะทำให้ราคาน้ำมันตามปั้มพ์ต่างๆทั่วสหรัฐฯมีราคาแพงขึ้น เหมือนกับช่วงที่เฮอริเคน"แคทรีน่า" เข้าถล่มเมื่อปี 2548 สร้างความเสียหาย

ให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน 44 แห่งขณะที่เฮอริเคน"ริต้า"ที่เข้าถล่มรัฐแถบอ่าวเม็กซิโกในปลายปีเดียวกัน สร้างความเสียหายให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน 64 แห่ง การที่โรงกลั่นน้ำมันปิดทำการจาก"ไอค์" อาจทำให้ปริมาณน้ำมันคาดแคลนเป็นช่วงๆในสองสามสัปดาห์ข้างหน้า แต่นัก

วิเคราะห์เชื่อว่า จะเป็นปรากฎการณ์เพียงชั่วคราว เพราะบรรดานักค้าหมดความกระหายในน้ำมันและแก๊สธรรมชาติราคาแพงแล้ว

มีรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ขายตามปั้มพ์น้ำมันในหลายส่วนของสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้นเป็นแกลลอนละ 5 ดอลลาร์ หรือ 170 บาท หรือลิตรละ 1.3 ยูโร หรือ 62 บาทแล้ว โดยในบางรัฐ เช่นรัฐเทนเนสซี่นั้น ราคาน้ำมันที่ขายตามปั้มพ์น้ำมันที่อยู่ใกล้เคียงกันชนิดเดินถึงได้ แตกต่างกันตั้งแต่ 3.50 - 5 .19 ดอลลาร์ หรือระหว่าง119-176 บาท/แกลลอน ขณะมีรายงานว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันเฉลี่ยแพงกว่า 4 ดอลลาร์ หรือ 136 บาท/แกลลอนในรัฐลินอยส์ ,อินเดียน่า,มิชิแกน,เซาท์ คาโรไลน่า,ฮาวาย และอลาสก้า

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คมชัดลึก
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

ทำความรู้จัก พายุงวงช้าง


หลังจากเกิดปรากฏการ์ "พายุงวงช้าง" ขึ้นในบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 ก่อนจะสลายตัวไป แต่ก็ทำเอาหลายๆ คนหวาดกลัวกับคำว่า "พายุ" พร้อมๆ กับสงสัยว่าพายุงวงช้างคืออะไร มีลักษณะอย่างไร และอันตรายมากน้อยแค่ไหน วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปทำความรู้จักกับ "พายุงวงช้าง" กันค่ะ...
ปรากฏการณ์ "พายุงวงช้าง" มีชื่อที่ถูกต้องคือ "พายุนาคเล่นน้ำ" หรือ "พวยน้ำ" (waterspout) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่มีลักษณะคล้ายท่อน้ำขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างผืนฟ้าและพื้นน้ำ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากลมพัดวนบิดเป็นเกลียว เห็นได้จากเมฆที่มีลักษณะเป็นลำ หรือเป็นกรวยหัวกลับยื่นลงมาจากฐานของเมฆคิวมูโลนิมบัส (เมฆฝนฟ้าคะนอง) และเห็นได้จากพวยน้ำที่พุ่งขึ้นมาเป็นพุ่ม ประกอบด้วยหยดน้ำพุ่งเป็นฝอยขึ้นจากผิวพื้นทะเล มีลมแรงพัดเข้าหาบริเวณศูนย์กลางของพวยน้ำ ยอดของพวยน้ำอาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างไปจากฐาน ทำให้แกนเอียงหรือบิดเบี้ยวแล้วหลุดออกจากกันและสลายตัวไป
ซึ่งการเกิดจะคล้ายกับพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นเหนือพื้นน้ำ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า มักเกิดบ่อยๆ บนพื้นน้ำในเขตร้อน ช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์นี้กินเวลาไม่นานนักในบางครั้งอาจเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานถึงครึ่งชั่วโมง

ลักษณะการเกิด "พายุงวงช้าง" หรือ "นาคเล่นน้ำ" มี 2 แบบ ได้แก่

1. เป็นพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นเหนือผืนน้ำ (ซึ่งอาจจะเป็นทะเล ทะเลสาบ หรือแอ่งน้ำใดๆ) โดยพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (Supercell thunderstorm) และมีระบบอากาศหมุนวนที่เรียกว่า เมโซไซโคลน (Mesocyclone) จึงเรียกพายุนาคเล่นน้ำแบบนี้ว่า นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโด (Tornado waterspout)

2. เกิดจากการที่มวลอากาศเย็น เคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า โดยบริเวณใกล้ๆ ผิวน้ำมีความชื้นสูง และไม่ค่อยมีลมพัด (หรือถ้ามีก็พัดเบาๆ) ผลก็คืออากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำซึ่งอุ่นในบางบริเวณจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงพุ่งเป็นเกลียวขึ้นไป แบบนี้เรียกว่า "นาคเล่นน้ำ" (True waterspout) ซึ่งมักเกิดในช่วงอากาศดีพอสมควร (fair-weather waterspout) อาจเกิดได้บ่อย และประเภทเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากในช่วงที่เกิดมักจะมีพายุฝนฟ้าคะนองร่วมอยู่ด้วย

แต่ความแตกต่างของ 2 แบบนี้ก็คือ นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโดจะเริ่มจากอากาศหมุนวน (ในบริเวณเมฆฝนฟ้าคะนอง) แล้วหย่อนลำงวงลงมาแตะพื้น คืออากาศหมุนจากบนลงล่าง ส่วนนาคเล่นน้ำของแท้จะเริ่มจากอากาศหมุนวนบริเวณผิวพื้นน้ำ แล้วพุ่งขึ้นไป คืออากาศหมุนจากล่างขึ้นบน ในช่วงที่อากาศพุ่งขึ้นเป็นเกลียววนนี้ หากน้ำในอากาศยังอยู่ในรูปของไอน้ำ เราจะยังมองไม่เห็นอะไร แต่หากอากาศขยายตัวและเย็นตัวลงถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นท่อหรือ "งวงช้าง" เชื่อมผืนน้ำและเมฆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "พายุงวงช้าง"

โดยส่วนใหญ่มีความยาวประมาณ 10 - 100 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมีตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึงหลาย 10 เมตร โดยในพายุอาจมีท่อหมุนวนเพียงท่อเดียวหรือหลายท่อก็ได้ แต่ละท่อจะหมุนด้วยอัตราเร็วในช่วง 20-80 เมตรต่อวินาที กระแสลมในตัวพายุเร็วถึง 100 - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถคว่ำเรือเล็กๆ ได้สบาย ดังนั้น ชาวเรือควรสังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ให้ดี แล้วหนีไปในทิศตรงกันข้าม นอกจากนี้ พายุชนิดนี้ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วตั้งแต่ 3 - 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าประมาณ 18 - 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ พายุนี้มีอายุไม่ยืนยาวนัก คืออยู่ในช่วง 2 - 20 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงปรากฏการณ์พายุงวงช้างว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่มักจะเกิดในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในน้ำจืด สำหรับประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น แต่ไม่บ่อยนัก และไม่เป็นอันตราย เพราะมีขนาด 1% ของพายุทอร์นาโด
เรียบเรียงข้อมูลโดย กระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด 16 กันยายน 2551 01:00 น.
โดย นางสาวชณัฐดา โยธาวุฒิ ID:5131601288 sec.02
สำนักวิชานิติศาสตร์

พันธมิตร ประกาศต้องรัฐบาล ประชาภิวัฒน์เท่านั้น

พันธมิตร ประกาศต้องรัฐบาล ประชาภิวัฒน์เท่านั้น


"พันธมิตร" ออกแถลงการณ์ไม่เอา "นายกฯ หุ่นเชิด" ประกาศต้อง "รัฐบาลประชาภิวัฒน์" เท่านั้น

พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ ยืนยันสิทธิชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลต่อ พร้อมย้ำจุดยืนพันธมิตรฯ ไม่เอานายกฯ หุ่นเชิด ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ที่ให้ทุกพรรคมาสมยอมกันโดยขาดการตรวจสอบ ไม่เอาคนตระบัดสัตย์ พร้อมต่อต้านรัฐประหารเพื่อตัวเอง และพวกพ้อง เสนอทางออกต้องเป็นรัฐบาล "ประชาภิวัฒน์" ส่งเสริมคนดีมาปกครอง พร้อมปฏิรูปการเมือง จัดตั้ง "สภาประชาภิวัฒน์"

เมื่อเวลา 21.25 น. วันที่ 14 กันยายน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นในที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 ของพันธมิตรฯ เพื่อประกาศจุดยืนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังนี้

แถลงการณ์ ฉบับที่ 22/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง "รัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤตชาติได้"

ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 โดยในข้อที่ 3 ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวได้ระบุจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า

"เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่สุดในโลก และมิให้ประเทศชาติล่มจมต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเตือนต่อสภาผู้แทนราษฎรให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และปกป้องมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่าได้นำเสนอชื่อบุคคลใดก็ตามที่มีประวัติด่างพร้อย กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตระบัดสัตย์ต่อมวลมหาชน แสดงพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดเพื่อช่วยเหลือ หรือปกป้องผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายในระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีอีกเป็นอันขาด"

บัดนี้ ได้เกิดขบวนการและความพยายามในการบิดเบือนข้อมูล แอบอ้างความเรียบร้อยและความสงบเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงเพื่อมิให้ประชาชนสนใจต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ทุจริตคอร์รัปชัน ขายชาติ และย่ำยีกฎหมาย พร้อมๆ กับความพยายามที่จะนำเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลหุ่นเชิด เพื่อให้พรรคพลังประชาชนแสวงประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวไม่มีสิ้นสุด ดำรงวิกฤตที่สุดในโลก และความล่มจมประเทศชาติต่อไป ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีภรรยา ถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอร์รัปชัน และร่ำรวยผิดปกติ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรมหุ่นเชิด ผู้ที่ได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดี พิเศษให้เป็นคนใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชินวัตร หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ที่มีประวัติด่างพร้อยร่วมกับรัฐบาลทักษิณออกสลากพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัวโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนแสดงพฤติกรรมช่วยเหลือในการคืนเงินที่อายัดให้กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่เคยแสดงจุดยืนตามข้อ 5 ของแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ดังนี้

1. ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พยายามแก้ไขเพื่อฟอกความผิด ที่กระทำสำเร็จไปแล้วให้กับตัวเองและพวกพ้อง พยายามแก้ไขเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง พยายามแก้ไขเพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2. ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการสะสางปัญหาความอยุติธรรม และคืนความยุติธรรมทั้งหลายให้กับสังคม ด้วยความจริงใจ ได้แก่

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดดำเนินคดีความต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ ฯลฯ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดโดยเร็ว

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชัน ให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและภรรยา

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทย

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหาร และพื้นทีโดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และไม่แสดงจุดยืนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งดินแดน และแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการเร่งรัดดำเนินคดีความ และลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนอันธพาลการเมืองของรัฐบาล ที่คุกคามทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการยุติการใช้สื่อของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อและโกหกหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที

- ไม่ยอมและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใสที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที

- ไม่ยอมยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 และไม่ยอมใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทน เพื่อประโยชน์ สูงสุดของคนในชาติ ไม่ยอมนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.

3. ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ไม่ให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง คนไม่ดีกลับมีอำนาจ ประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมทางการเมือง

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าการเข้าสู่อำนาจของบุคคลใดก็ตามที่มีจุดยืนดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของฝ่ายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เป็นฝ่ายที่แสดงเจตนาที่จะไม่เคารพกฎหมายและเหตุผล เราจึงขอยืนหยัดใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อชุมนุมอย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธต่อไปในทำเนียบรัฐบาล และขอปฏิเสธรัฐบาลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

1. เราไม่ต้องการ "นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด หรือรัฐบาลผสมที่มีส่วนร่วมจากพรรคพลังประชาชน" ซึ่งหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปนานแล้ว กระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะปฏิบัติตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 21/2551 ด้วยความจริงใจ

2. เราไม่ต้องการ "รัฐบาลแห่งชาติ ที่มาจากการส่งตัวแทนทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล" เพราะจะทำให้เกิดการสมยอมกันในทางการเมือง ขาดการถ่วงดุลตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร จึงย่อมไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เช่นกัน

3. เราไม่ต้องการ "บุคคลที่เคยตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา ต่อมวลมหาประชาชนมาเป็นนายกรัฐมนตรี" ซึ่งไม่สามารถที่จะเชื่อถือต่อคำมั่นสัญญาใดๆ ที่จะปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ในอนาคตได้

4. เราไม่ต้องการการรัฐประหาร เพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง และไม่ปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่า วิกฤตการเมืองครั้งนี้ได้มาถึงทางตัน ไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดิมๆ จึงขอเสนอทางออกด้วยการให้มี "รัฐบาลประชาภิวัฒน์" ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้

1. ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มิให้คนไม่ดีมีอำนาจ ขอให้นักการเมืองในรัฐสภายอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ยอมให้บุคคลที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย มีความสามารถ และมีความจริงใจในการแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง ให้เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของ กลุ่มการเมือง และปราศจากตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของกลุ่มทุน

2. ให้รัฐบาลประชาภิวัฒน์เข้ามาดำเนินการภารกิจเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองตามแนวทางในแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะสางความอยุติธรรมทั้งปวงและคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย

3. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่พร้อมปฏิรูปการเมืองร่วมกับประชาชนด้วยความจริงใจ เป็นแกนกลางระดมความร่วมมือจากองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง เพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง

4. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกำหนด "วาระแห่งชาติ" ที่แท้จริง และครอบคลุมปัญหาและความเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ

5. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้เกิด "สภาประชาภิวัฒน์" ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน

การก่อกำเนิดของรัฐบาลประชาภิวัฒน์ และการปฏิบัติตามเงื่อนไขในแถลงการณ์ ฉบับ 21/2551 เท่านั้น จะเป็นแนวทางในการแก้ไขวิกฤตของชาติได้


พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551
ณ ทำเนียบรัฐบาล


ที่มา Matichon Online 15 กันยายน 2551 00:37 น.
โดย นางสาวชณัฐดา โยธาวุฒิ ID:5131601288 sec.02
สำนักวิชานิติศาสตร์
“ในหลวง”ทรงแนะตุลาการศาลปกครองทำหน้าที่ซื่อสัตย์-เป็นตัวอย่างคนทำดี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองชั้นต้นเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในการนี้ทรงมีมีพระบรมราโชวาทให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่จะทำดีต่อไป

เมื่อเวลา 17.27 น. วันนี้(15 ก.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองชั้นต้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นางสาวพรทิพย์ ทองดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

ในการนี้ได้มีพระบรมราโชวาทให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไป

"ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ฟังท่านผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครอง ซึ่งได้ทำการปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อความร่มเย็นของประเทศชาติ การจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นสำคัญ เพราะว่าประชาชนต้องการความซื่อสัตย์สุจริต แล้วถ้ามีผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นก็ทำให้สบายใจ และสามารถที่จะปฏิบัติงานต่างๆ ของประชาชนได้โดยดี ท่านก็จะต้องปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตดังกล่าวนี้เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ

ท่านมีจำนวนไม่มากนักแต่ว่าก็นับว่าเป็นจำนวนที่สำคัญ เพราะว่าท่านมีความรู้ ท่านสามารถที่จะแสดงความรู้นี้ และทำให้ประชาชนดูผู้ที่ปฏิบัติดีเป็นตัวอย่าง ในเวลาเดียวกันท่านก็เป็นตัวอย่างกับผู้ที่ทำหน้าที่ต่อไปด้วย ฉะนั้น ที่ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ก็ทำให้คนเขาเสียใจ คนผิดหวัง ถ้าคนผิดหวัง เป็นอันตรายมากสำหรับการปกครองประเทศ และความเป็นอยู่ของประเทศ ก็ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ท่านได้ตั้งเอาไว้แก่ตัว เพื่อที่จะให้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะให้ทุกคนมองว่า มีผู้ที่ปฏิบัติตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นธรรมดา เป็นธรรมดานี้แหละสำคัญ เพราะว่า แสดงว่าท่านทำความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ ทำให้ผู้ที่เป็นประชาชนทั่วๆ ไป ก็จะได้ทำงานอะไรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถือว่าเป็นหน้าที่เหมือนกัน ก็ขอให้ท่านเข้าใจที่พูดนี้ว่า สำคัญแค่ไหน ถ้าท่านเข้าใจและปฏิบัติ ท่านจะเป็นผู้ที่ได้ช่วยประเทศชาติอย่างดี ได้ทำหน้าที่สำหรับเป็นตัวอย่าง ทำหน้าที่สำหรับเป็นผู้ที่เรียกว่า คนดี และก็ได้ทำหน้าที่ด้วยความดี เพื่อที่จะมีคนที่ดี ท่านมีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อผู้ที่ได้เห็น ได้ทำตาม มีจำนวนเป็นหลายร้อย หลายพัน เป็นหลายหมื่น หรือถ้าทุกคนทำตาม ทำหน้าที่ตามวิธีที่ท่านทำ บ้านเมืองคงอยู่รอดได้ ไม่มีปัญหา"



ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2551 20:48 น.

โดย นางสาวธันย์ชนก ทรงนาศึก ID:5131601345 sec.02

สำนักวิชานิติศาสตร์

ชี้ยุติธรรมไทยตกตํ่าในเอเชียฮ่องกงดีที่สุด-เวียดนามบ๊วย

ผลสำรวจระบบยุติธรรมในเอเชียปีล่าสุด ปรากฏว่า เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน มีระบบยุติธรรมดีที่สุดในเอเชีย ส่วนไทยเป็นอันดับที่ 9 ขณะที่เวียดนามรั้งท้าย

บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมือง (เพิร์ค) ในสิงคโปร์ จัดการสำรวจระบบยุติธรรมในเอเชีย ซึ่งไล่เรียงคะแนนจากน้อยหรือยอดเยี่ยมไปหามากสุดหรือย่ำแย่ ระบุว่า ฮ่องกงกับสิงคโปร์ มีระบบยุติธรรมดีที่สุดในเอเชีย โดยระบบยุติธรรมของฮ่องกง ได้คะแนน 1.45 ตามมาด้วยสิงคโปร์ซึ่งเป็นอันดับสองได้ 1.92 อันดับสาม ญี่ปุ่นได้ 3.50 อันดับสี่ เกาหลีใต้ได้ 4.62 อันดับห้าไต้หวันได้ 4.93 อันดับหกฟิลิปปินส์ได้ 6.10 อันดับเจ็ดมาเลเซียได้ 6.47 อันดับแปดอินเดียได้ 6.50 อันดับเก้า ไทยได้ 7.00 และจีนได้ 7.25

ขณะที่ อินโดนีเซีย ซึ่งมีระบบยุติธรรมที่อ่อนแอ ได้ 8.26 และเวียดนามรั้งท้ายสุดได้ 8.10 การสำรวจของเพิร์คครั้งนี้ ได้มีการสอบถามบรรดาผู้บริหารของธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในเอเชีย จำนวน 1,537 คน เกี่ยวกับระบบยุติธรรมในประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ โดยใช้มาตรการการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการทุจริตเป็นตัวชี้วัด

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการพิจารณาความโปร่งใสและการบังคับใช้กฎหมาย เสรีภาพ ที่ปลอดการแทรกแซงทางการเมือง และประสบ การณ์ รวมทั้งมาตรฐานทางการศึกษาของนักกฎหมายและตุลาการ เพิร์คยังกล่าวอีกว่า ประเทศหรือดินแดนที่มีระบบยุติธรรมดีที่สุด ต้องมีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่ดีเลิศ การทุจริตต่ำ และมีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง

ส่วนประเทศไทยนั้น เพิร์คระบุว่า กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยต่างมีข้อสงสัยอย่างยิ่งว่า การเคลื่อนไหวเพื่อขยายขอบเขตของอำนาจตุลาการจะเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศ.

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

รบ.โบลิเวียเริ่มเจรจาฝ่ายค้านหลังเหตุปะทะฝ่ายหนุน-ต้าน มีผู้เสียชีวิตนับสิบ


เอเอฟพี - รัฐบาลของประธานาธิบดี อีโว โมราเลส กลับสู่โต๊ะเจรจากับแกนนำฝ่ายค้านที่เลื่อนมายาวนานเมื่อวันอาทิตย์ (14) หลังเหตุความไม่สงบภายในประเทศซึ่งนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐกบฎแห่ง หนึ่งของโบลิเวีย

ทั้งรัฐบาลโบลิเวียและผู้บริหารรัฐกบฏต่างเรียกร้องให้เปิดเจรจา ทว่า แต่ละฝ่ายยังกล่าวโทษซึ่งกันและกันในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตทาง การเมืองอันลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่การขับทูตสหรัฐฯ กลับประเทศ ขณะที่สหรัฐฯก็ขับทูตโบลิเวียเป็นการตอบโต้

โมราเลส ได้ประกาศให้ ฟิลิป โกลด์เบิร์ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำโบลิเบีย เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา และสั่งขับออกจากประเทศโบลิเวียในทันที โดยกล่าวหาว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯได้ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในประเทศ และทำให้เกิดการแยกตัวของรัฐต่างๆ ในประเทศโบลิเวีย

นับตั้งแต่วันอังคาร (9) ความรุนแรงบนท้องถนนปะทุขึ้น เมื่อฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลปะทะกันในซีกตะวันออกของประเทศที่ยากจน ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บเกือบ 100 คน แต่มีสื่อมวลชนบางแห่งรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นไปถึง 29 ศพ

ความรุนแรงที่ดูย่ำแย่ที่สุดเกิดขึ้นในรัฐปันโด ทางเหนือของประเทศ -- 1 ใน 5 ดินแดนที่ปฏิเสธแผนปฏิรูปสังคมของโมราเลสและเรียกร้องการปกครองตนเอง

รัฐบาลกล่าวหา ลีโอพอลโด เฟอร์นานเดซ ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งมาจากฝ่ายค้าน ในภาระรับผิดชอบต่อเหตุ “สังหารหมู่” 16 คน --เกือบทุกคนเป็นแรงงานชนบทฝ่ายสนับสนุนโมราเลส -- ซึ่งศพถูกพบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีประชาชน 3 ราย และทหาร 1 นาย เสียชีวิตในวันศุกร์ (12) เมื่อทหาร 100 นาย เข้ายึดสนามบินโคบิจาคืนจากผู้ประท้วง

ผู้ประท้วงได้เข้ายึดอาคารที่ทำการของรัฐ สนามบิน รวมทั้งบริษัทโทรคมนาคม ใน 4 จังหวัดทางตะวันออก คือ ซานตาครูซ, ทาริจา, เบนี และ ปันโด ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และได้พากันปิดถนนสายหลักที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรายได้ของรัฐบาลโมราเลส

ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นายโมราเลส และโยกเงินรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติไปให้กับชนพื้นเมืองและคนยากจน รวมทั้งการจัดสรรที่ดินเสียใหม่ เพื่อต้องการปฏิรูปประเทศไปสู่ความเป็นสังคมนิยมได้ถูกต่อต้านอย่างหนักจาก ประชาชนในจังหวัดทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ร่ำรวยที่อุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงาน และส่วนใหญ่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระ

รองประธานาธิบดี อัลวาโร การ์เซีย กล่าวในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (14) ว่า การเจรจากับตัวแทนของ 1 ใน 5 รัฐที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนกำลังมีขึ้นในทำเนียบประธานาธิบดี

แม้ว่าคำแถลงก่อนหน้านี้ของแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซานตาครูซ จะระบุว่า การปิดกั้นถนนและประท้วงในรัฐจะสิ้นสุดลงเพื่อแสดงสัญญาณแห่งไมตรีจิต ทว่า โอกาสในการหาข้อตกลงคลี่คลายปัญหาดูเหมือนยังเป็นหาทางที่ยาวไกล

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

หวั่น 10 กันยายน โลกถึงจุดจบ เซิร์น เดินเครื่องสร้างหลุมดำ


ใน วันที่ 10 กันยายนนี้ องค์กรวิจัยนิวเคลียร์ (European Organization for Nuclear Research) แห่งยุโรป หรือ CERN จะเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ Large Haldron Collider (LHC) เพื่อค้นหาคำตอบว่า จักรวาลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งการทดลองนี้เปรียบเหมือนกับการทดลองสร้างจักรวาลในหลอดแก้ว
การทดลองเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี นับ เป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุด
ใช้งบประมาณมากที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะเป็นการทดลองเพื่อไขความลับของเอกภพ ใช้นักฟิสิกส์กว่า 2,000 คน จาก 30 กว่าประเทศ และใช้เงินกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือ 260,000 ล้านบาท สร้างอุโมงค์ขนาดยักษ์ขดเป็นวงกลมยาว 18 ไมล์ ลึก 300 ฟุต ที่พรมแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส แถบนครเจนีวา
การไขความลับเอกภพนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ ทฤษฎีอนุภาคพระเจ้า หรือ "God Particle" หรือ "Higgs Boson" ของ ศ.ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอร์กระบุว่า อนุภาคนี้มีอยู่จริง
แม้ แอลเอชซี จะได้ชื่อว่า เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดย นายออตโต รอสเลอร์ นักเคมีชาวเยอรมัน กลับเห็นว่า มันมีโอกาสสร้างหลุมดำ ที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังอวกาศและเวลา
กลุ่มของ รอสเลอร์ ยื่น คำร้องต่อที่ประชุมด้านสิทธิมนุษยชนยุโรป เพื่อขอระงับการทดลอง โดยให้เหตุผลว่า "เป็นการละเมิดต่อสิทธิ์การดำรงชีวิตและละเมิดสิทธิ์ในการมีครอบ ครัว" เนื่องจากหวั่นว่า เมื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้ว จุดจบของโลกจะมาถึง ซึ่งภาพจินตนา การฝันร้ายที่สุดของมนุษย์ มี 2 แบบ
แบบแรก มีการเตือนภัยถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นช่วงเวลา 1 เดือน โลกจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีเหตุผลใดๆ ประกอบ เพราะแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนอีกแล้ว แต่จู่ๆ มันก็ไหว และไหวในทุกๆ พื้นที่ แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อน
แรงสั่น สะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือนจะถล่มราบเป็นหน้ากลอง น้ำทะเลเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว เกิดมหันตภัยสึนามิขนาดยักษ์ พัดถล่มพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล ฆ่าผู้คนนับล้าน จากนั้นจุดจบของโลกที่แท้จริงจึงมาถึง
โลกเริ่มมีรอยแยกขนาดใหญ่ ลาวาร้อนจัดใต้พื้นปฐพีไหลขึ้นมานองเต็มพื้นดิน มหาสมุทร จนท้องทะเลเดือดพล่าน เกิดเฮอริเคนขนาดยักษ์หลายลูกกระหน่ำโลก สิ่งก่อสร้างทุกชนิดพังทลาย ต้นไม้หักโค่น ภูเขาสูงถล่มลงมา เพราะแผ่นเปลือกโลกแตก ทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นหินนับล้านๆ ตัน น้ำ อากาศ ชีวิตทุกชีวิต ถูกดูดเข้าไปในแรงดูดที่มองไม่เห็นแต่มีพละกำลังมหาศาล ถ้ามองลงมาจากอวกาศเบื้องบนจะเห็นว่า โลกสีฟ้าขาวไหลลงไปในหลุมดำด้วยความเร็วเพียงพริบตาเดียว
จินตนาการ แบบที่ 2 คือ ไม่มีเวลาสำหรับการเตือนภัยใดๆ และเป็นหายนะที่รุนแรงกว่าแบบแรก โดยภายในเวลา 1 ใน 20 ของวินาที โลกทั้งใบจะหายไปจากจักรวาล จากนั้นอีกไม่ถึง 2 วินาที ดวงจันทร์จะหายไปด้วย 8 นาทีต่อมา ดวงอาทิตย์จะแตกเป็นเสี่ยง ตามด้วยดวงดาวทั้งหมดในระบบสุริยจักรวาล
การ ทำลายล้างขยายวงจากโลกของเราไปด้วยความเร็วแสง ทำให้มนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในจักรวาลอื่นตายไปด้วย และไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่จะหยุดยั้งหายนะนี้
อย่างไรก็ตาม เซิร์น โต้ว่า ไม่มีทางที่หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เพราะเห็นว่า เมื่อการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี เป็นการเร่งให้อนุภาคชนกันก็จริง แต่การชนกันของอนุภาคโปรตอน ชนกันที่ระดับใกล้ความเร็วแสงนี้ มีพลังน้อยกว่าอนุภาคที่ชนกันในธรรมชาติเป็นอย่างมาก เซิร์น เห็น ว่า ถ้าการชนกันของอนุภาคทำให้โลกหายนะแล้ว การชนกันของอนุภาคในธรรมชาติของโลก ที่เกิดขึ้นยาวนานกว่าหมื่นล้านปี นับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบงก์เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน ก็จะทำให้โลกวินาศไปนานแล้ว นอกจากนี้ รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลก อันเกิดจากการชนกันของอนุภาค จนเกิดพลังงานที่สูงกว่าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีมาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เกิดผลร้ายแก่โลกแต่อย่างใด
ส่วนข้อวิตกที่ว่า จะเกิดหลุมดำกลืนกินโลก ก็ชี้แจงว่า หลุมดำขนาดเล็กที่เกิดจากการชนกันของอนุภาคจะหายไปในเวลาอันสั้น เพราะหลุมดำที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการชนกันของ ควาร์ก และ กลูออน ซึ่งอยู่ในอนุภาคโปรตรอน ดังนั้น จึงสลายไปอยู่ในรูปของอนุภาคที่สร้างหลุมดำนั้นขึ้นมาได้ ช่วงอายุของหลุมดำเล็กจึงสั้นมากๆ
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
เขียนโดย นางสาวพนิดา เอกทัตร์ 5131601410 section2 สำนักวิชานิติศาตร์ สาขาวิชานิติศาตร์

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

เอแบคโพลล์สนใจ สมพงษ์ เหมาะนายกฯ

เมื่อวันที่ 14 กันยายน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 2,809 ตัวอย่าง เกี่ยวกับวาระแห่งชาติในสายตาประชาชน ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เร่งแก้ไข ผลปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจต่อประวัติและผลงานของแกนนำพรรคพลังประชาชนที่มีโอกาสเป็นนายกฯแตกต่างกัน โดยกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 58.6 สนใจนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ร้อยละ 51.2 สนใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร้อยละ 48.3 สนใจ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และร้อยละ 41.5 ไม่สนใจใครเลย
นอกจากนั้น กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 68.7 ไม่คิดจะแสดงตนคัดค้านแกนนำพรรคพลังประชาชนในการเป็นนายกฯคนต่อไป กรณีพรรคพลังประชาชนเสนอคนหนึ่งคนใดในแกนนำทั้ง 3 คน คือ นายสมพงษ์ นายสมชาย และ นพ.สุรพงษ์ โดยให้เหตุผลเพราะเป็นความถูกต้อง เป็นประชาธิปไตย อยากเห็นความสงบสุขของบ้านเมือง ไม่อยากให้ประเทศชาติเสียหายและไม่ชอบความวุ่นวายส่วน ร้อยละ 19.7 ระบุว่า จะคัดค้าน และ ร้อยละ 11.6 ไม่มีความคิดเห็น
ส่วนหัวข้อคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 77.6 ระบุว่า เป็นความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 72.7 ระบุว่า สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี ร้อยละ 70.9 ระบุว่า รักชาติและประชาชนอย่างเท่าเทียมไม่แบ่งแยก
สำหรับหัวข้อวาระแห่งชาติที่ต้องการให้นายกฯคนใหม่เร่งแก้ไข ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 84.7 เป็นปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ร้อยละ 78.2 เป็นปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน และร้อยละ 74.1 เป็นปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ

เเห่งที่มา : มติชน
เขียนโดย นส. จันทนีย์ กิตติศักดิ์เสรี ID:5131601263 สำนักวิชานิติศาสตร์

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 11.15 น. วันนี้ (14 กันยายน) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงยกเลิกประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุก เฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 2 กันยายนแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นายสมชาย กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันนี้สถานการณ์ความรุนแรงได้บรรเทาลงแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป พร้อมกันนี้นายสมชายยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อยุติ ความรุนแรงความขัดแย้ง เราไม่มีเวลา ที่จะขัดแย้งกันอีกแล้ว เพราะว่าขณะนี้ปัญหาของชาติมีอยู่อย่างมากมาย ที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันแก้ไข ส่วนผู้ชุมนุมจะชุมนุมก็ได้แต่น่าจะเป็นพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล

นายสมชาย กล่าวอีกว่า เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ จะมีกองอำนวยการเพื่อติดตามสถานการณ์ร่วม มีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมทำงาน เป็นหน่วยงานเฉพาะให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. มีผบ.ทบ. เป็นผู้อำนวยการ ประสานงานกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่พลเรือน ส่วนผบ.ตร. เป็นผู้ดูแลสถานการณ์ตามปกติ

" สถานการณ์ในวันนี้ไม่ได้มีความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายดำเนินกิจกรรมใดๆ ก็ตามอยู่ในกรอบของกฎหมาย วันนี้เราไม่ควรมาแตกแยกกันอีก การรบราฆ่าฟัน ไม่มีประโยชน์กับผู้ใดทั้งสิ้น" รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า จาก นี้ไปขอให้มุ่งเดินทางไปสู่ความสงบสุขเรียบร้อย ปรองดองสมานฉันท์ ตนต้องขอขอบคุณ ผบ.ทบ ผบ.ตร ที่ดูแลพี่น้องประชาชน ดับความร้อนแรงลงไปได้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ร่วมทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย รวมทั้งผู้ชุมนุมฯ อยากให้ช่วยแก้ไขปัญหา อย่าเอาชนะโดยไม่ใช้เหตุผล

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

"สุริยะใส"ปราม"ไข่แม้ว"จัดม็อบอีก ซ้ำรอย 1 ก.ย.-คาดนายกฯ "3ส."ก่อวิกฤติรอบใหม่


"สุริยะใส" จับตาเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นปช.นัดม็อบใหญ่ทันที ระบุหากอำนาจอยู่ในมือตำรวจ จะซ้ำรอยเหตุการณ์ 1 ก.ย. ตอกกลับ อย่าอ้างเป็นบุญคุณ หาเหตุให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบ ชี้รักษาการนายกฯ ควรแถลงขอโทษประชาชนด้วยซ้ำ ระบุ"3ส." ล้วนเป็นนอมินี "ทักษิณ" ชนวนความขัดแย้งรอบใหม่รอประทุ ย้ำจุดยืนพันธมิตรฯ ขับไล่ระบอบทักษิณถึงที่สุด

วันนี้ (14 ก.ย.) เวลาประมาณ 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีการยกเลิกประกาศตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทันที่มีมีการยกเลิก ก็มีการประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่สนามหลวงในวันที่ 19 ก.ย. ทันที ดังนั้น เมื่ออำนาจคุมสถานการณ์จากนี้ไปอยู่ที่ตำรวจ ก็จะมีปัญหาตามว่า มีแนวโน้มของการเผชิญหน้าอีกหรือไม่ เพราะทุกครั้งพบว่า ตำรวจไม่ทำหน้าที่เท่าที่ควรทำ หรือรู้เห็นเป็นใจกับ นปช.ด้วยซ้ำ ซึ่งการที่แกนนำ นปช.ระบุว่า อาจจะควบคุมคนไม่ได้นั้น สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของแกนนำมวลชนซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบ อย่าหาเหตุมาสร้างสถานการณ์อีก เพราะครั้งที่แล้วก็พาคนมาตาย อย่ามีพฤติกรรมแบบนั้นอีก เพราะพันธมิตรฯ มีความชัดเจนว่า เราจะชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง โดยหลักสันติ และอหิงสา

นอกจากนี้ การยกเลิกประกาศตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องถือเป็นบุญคุณทางการเมือง เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายคัดค้านอยู่แล้วว่า สถานการณ์ไม่จำเป็นต้องประกาศ แต่เมือยกเลิก ก็ออกประกาศอย่างเอิกเกริก ทวงบุญคุณว่าพันธมิตรฯ ยุติได้หรือยัง ซึ่งตรงนี้ เป็นการหวังผลทางการเมือง เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะจริงๆ แล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ควรจะแถลงขอโทษประชาชนด้วยว่า การยกเลิกเป็นการใถ่บาป ไม่ใช่เรื่องทวงบุญคุณ


นายสุริยะใสกล่าวถึงการสรรหานายกฯ คนใหม่ว่า พันธมติรฯ ไม่ได้คาดหวังว่าในวันที่ 17 ก.ย.นี้ จะมีทางออกให้บ้านเมืองได้ เพราะมีการล็อกสเปกไว้ที่ "3 ส." สายล่อฟ้า (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีมลทินติดตัวกันทั้งนั้น และทั้ง 3 คน เป็นตัวแทนทางความคิดของ พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างชัดเจน จึงไม่มีอิสระเพียงพอที่จะพาบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตได้ และถ้าหากวันที่ 17 กันยายนได้นายกฯ ในกลุ่ม 3 ส. ก็อาจเป็นชนวนของความขัดแย้งรอบใหม่ ซึ่งพันธมิตรฯ อาจจะต้องปักหลักต่อไป และเท่าที่ประเมิน แม้ผู้ชุมนุมจะมีอาการล้าบ้าง แต่การระดมพลของเรานั้น สามารถทำได้ตลอดเวลา และยืดเยื้อโดยไม่มีกำหนดได้อีกนาน เพราะผู้ชุมนุมรู้สึกว่า ต้องนำพาบ้านเมือง เพื่อให้พ้นการครอบงำของระบอบทักษิณ ซึ่งตรงนี้พรรคพลังประชาชนไม่เคยสนใจ

สำหรับกลุ่มนักรบศรีวิชัยที่ตกเป็นผู้ต้องหาบุกรุกสถานีโทรทัศน์ NBT และถูกขังนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ขณะนี้ได้ประกันตัวออกมาบางส่วนแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเซ็นเอกสาร และคาดว่าจะทยอยประกันได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม แกนนำพันธมิตรฯ ยังมีมติช่วยเหลือครอบครัวของทั้ง 85 คน ทั้งเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าสูญเสียโอกาส และเมื่อได้ข้อยุติ ตนจะนำกลุ่มคนเหล่านี้ มาแถลงความจริงที่เกิดขึ้นที่ NBT กับสื่อ เพื่อให้ฟังจากปากผู้ต้องหาบ้าง และคนเอ็นบีที่ต้องฟังบ้าง เพราะเท่าที่ฟังมาข้อมูลเป็นคนละอย่าง ทั้งเรื่องมีการจัดฉาก อาวุธ และเตรียมการไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะต้องให้เขาได้ชี้แจงต่อสังคมด้วย อย่างไรก็ตาม หากจบภายในสัปดาห์หน้า จะเปิดตัวแถลงความจริงอย่างเป็นทางการ


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากวันที่ 17 ก.ย.สภาฯ ล่มอีก พันธมิตรฯ จะทำอย่างไร นายสุริยะใสกล่าวว่า เท่าที่ดูแนวโน้มรัฐบาลแห่งชาติ คงเป็นไปได้ยากแล้ว เพราะพรรคการเมืองไม่ค่อยใส่ใจข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวคิดว่าแนวคิดนี้ พอจะพาบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตได้ แต่ฝ่ายการเมืองก็ไม่นำพา ดังนั้น คงต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์หลัง 17 ก.ย.ด้วย เพราะไม่เชื่อว่า 3ส. จะนำพาบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตได้ และถ้ายังอยู่ในโควตาของพรรค จุดยืนของพันธมิตรฯ คือไม่รับ ซึ่งจุดยืนดังกล่าว ไม่ใช่อคติต่อ 3 ส. แต่เราลังต่อสู้กับนอมินี และรัฐบาลหุ่นเชิด และไม่เอาตัวแทนทางความคิดของระบอบทักษิณ ซึ่งเราสู้ในจุดยืนนี้

ส่วนหลัง 17 ก.ย.จะมียุทธศาสตร์ดาวกระจายหรือไม่นั้น คงต้องปรับแผน ยุทธวิธี และต้องกำหนดแนวทางการต่อสู้ใหม่ เพราะสถานการณ์ตอนนั้น คงจะเปลี่ยนไปพอสมควร


สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย กรณีที่ นปช.ชุมนุมที่สนามหลวงนั้น คงต้องสูงขึ้น เพราะเราไม่ไว้ใจตำรวจ ซึ่งเมื่อครั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารออกมาร่วมกับตำรวจ เป็นสิ่งที่ดีกับเรา แต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่เกิดการยิงกันที่สะพานมัฆวาน เห็นได้ชัดว่าตำรวจไม่ขัดขวางแต่กลับรู้เห็นเป็นใจด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอำนาจมาอยู่ที่ตำรวจอีกครั้ง พันธมิตรฯ ก็ไม่มีทางเลือก ที่จะต้องคุ้มครองตัวเอง เพราะยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้าม คือ ขับไล่พันธมิตรฯ ให้ออกจากทำเนียบ และให้ 9 แกนนำมอบตัว


ส่วนกรณีที่การ์ดอาสากระทบกับสื่อนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า แกนนำมีนโยบายย้ำชัดเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อ และเมื่อใครคุกคามสื่อโดยไม่มีเหตุผล ตนก็จะเอาออกทันที ไม่เอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมา เราก็เอาออกไปหลายคนแล้ว แต่บางครั้งเมื่อตรวจสอบแล้ว ถึงจะรู้ว่า การ์ดบางคนก็ไม่ใช่พวกเรา แต่ที่เราพูดไม่ได้นั้น เพราะมันน่าอายที่เอาฝ่ายตรงข้ามมาเป็นการ์ด อย่างไรก็ตาม แม้แต่การพูดโจมตีสื่อบนเวที โดยขาดข้อเท็จจริง เราก็ยังระวังกันมาก และได้ให้นโยบายกับการ์ดทุกจุด แต่บางคนไม่ใช่มืออาชีพ จึงอาจมีอารมณ์บ้างโดยเฉพาะสื่อบางแขนง ซึ่งหากมีอะไรเกินเลย ตนต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วย ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ให้ออกไปหลายสิบคนแล้ว ซึ่งมีทั้งที่ตะโกน ตะคอกใส่ชาวบ้านหรือพูดไม่ดีกับสื่อ โดยเราได้ยึดบัตรการ์ดอาสาคืนแล้วปลดออก


อย่างไรก็ตาม อยากให้สื่อที่มีเหตุกระทบกระทั่งกับการ์ดอาสา ให้จดจำหมายเลขโค้ด หรือดูว่าเป็นการ์ดอาสาตรงจุดไหน แล้วมาบอกตนโดยตรงก็ได้ โดยเฉพาะในทำเนียบ ที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มกว่าสะพานมัฆวาน ดังนั้น โอกาสกระทบกระทั่งจึงสูงมาก และที่ผ่านมา แม้แต่การ์ดของแกนนำเอง ยังเคยโดนล็อกตัว เพราะการ์ดเหล่านี้ ได้รับคำสั่งให้ตรวจเข้ม จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตาม



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์