วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ศึกชิง ผู้ว่าฯ กทม.เริ่มแล้ว

ศาลาว่าการ กทม. 1 ก.ย. – ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนใหญ่ไม่หวั่นคะแนนโพล ประกาศสู้เต็มที่ “ดร.แดน” มั่นใจไม่สังกัดพรรคก็ทำงานให้คนกรุงได้ “อภิรักษ์” เผยวันนี้ยังตื่นเต้นเหมือน 4 ปีก่อน ส่วน “ชูวิทย์” ลุยเดี่ยวไร้เงากองเชียร์
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หรือ ดร.แดน ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เผยการไม่ได้สังกัดพรรค ไม่ทำให้ได้เปรียบ หรือเสียเปรียบแต่อย่างใด และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ ทั้งนี้ จากการออกหาเสียงช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ ไม่ต้องการให้ กทม.เป็นสนามรบ ส่วนเบอร์ผู้สมัครนั้น เป็นเบอร์อะไรก็ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวมั่นใจว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จะต่อยอดได้ ซึ่ง นายอภิรักษ์ ได้ทุ่มเทมาตลอด 4 ปี ซึ่งการสังกัดระบบพรรคช่วยหนุนการทำงาน แม้จะมีคะแนนนำตามที่โพลระบุ แต่ทางพรรคไม่ได้ประมาท เนื่องจากกระแสขึ้น-ลง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจกับพี่น้องชาว กทม.
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า มั่นใจการลงรับสมัครวันนี้ แต่ขึ้นกับประชาชนจะให้การสนับสนุนหรือไม่ ประสบการณ์ 4 ปีที่ผ่านมา มีบทเรียนที่จะต่อยอดสร้างอนาคตให้กับคนกรุงเทพฯ ต่อไป ซึ่งการลงสมัครในวันนี้ก็ยังตื่นเต้นเหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งวันนี้มาเดี่ยวไร้เงากองเชียร์ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้หากไม่ได้แก้ไขปัญหาให้ประเทศ การมีกองเชียร์ ขบวนแห่ต่าง ๆ คงไม่เหมาะสม ประกาศลั่น ไม่หวั่นผลสำรวจ เมื่อมีเวทีให้สู่ก็จะสู้อย่างเต็มที่ ซึ่งการเลือกตั้งแต่ละครั้งทำให้ประชาชนได้เรียนรู้กันมากขึ้น หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯ รักกัน ส่วนนโยบายบริหาร กทม.จะแถลงอีกครั้งหลังได้เบอร์ที่ชัดเจน ย้ำ กทม.ต้องเขียวนอกจอ . – สำนักข่าวไทย

ขอขอบคุณ http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTE3NTk1Jm50eXBlPWNsaXA
เขียนโดย : นส.กัลยาณี ธิมาบุตร ID5131601263 major : law

คึก!สมัครผู้ว่าฯ กทม."อภิรักษ์"ได้เลข 5 "ชูวิทย์" เลข 8

สุดคึก! รับสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" พร้อมหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงศาลาว่าการ กทม.จับได้เลข 5 ยันพร้อมเต็มที่ ไม่ห่วงคดีดับเพลิง ส่วนชูวิทย์ได้เลข 8 "ลีน่า จัง" ได้หมายเลข 7 เกรียงศักดิ์ 2 กิตติศักดิ์ 1 ขณะบรรยากาศกองเชียร์เป็นไปอย่างคึกคัก

บรรยากาศ การรับสมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. วันแรก ที่ ศาลาว่าการ กทม. คึกคักไปด้วยกองเชียร์ โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. และว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาถึงสถานที่รับสมัครฯ เมื่อเวลาประมาณ 7.00 น. พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ โดยมีภรรยาของนายอภิรักษ์ คอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด และมีบรรดากองเชียร์ที่มาพร้อมด้วยธงสัญลักษณ์สีฟ้า



นายอภิรักษ์ ยืนยัน มีความพร้อมเต็มที่ ไม่ห่วงคดีดับเพลิง ส่วนที่มี สมาชิกพรรคขึ้นเวทีพันธมิตร เชื่อว่าไม่กระทบคะแนนเสียง

ด้าน นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ นายสุชาติ นาคบางไทร กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่ร่วมเคลื่อนไหวกับแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. นางลีน่า จังจรรจา นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ และ ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ ว่าที่ผู้สมัคร ก็ได้เดินทางมาถึงแล้วเช่นกัน โดยกองเชียร์ของ ร.อ.เมตตา นำโดยขบวนแห่สิงโตมาด้วย สร้างสีสันการสมัครผู้ว่าฯ กทม.อย่างมาก

การจับสลากหมายเลขผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ปรากฏผล ดังนี้

หมายเลข 1 ได้แก่ นายกิตติศักดิ์ ถิรวิศิษฐ์
หมายเลข 2 ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

หมายเลข 3 ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ
หมายเลข 4 นายวราวุธ ฐานังกรณ์
หมายเลข 5 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน
หมายเลข 6 นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล
หมายเลข 7 นางลีนา จังจรรจา
หมายเลข 8 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ อนนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

พันธมิตรฯ ไม่สนใจรัฐสภา



ทำเนียบฯ 31 ส.ค.-นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลง ภายหลังการประชุมรัฐสภา เพื่อหาทางออกของปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง วันนี้ (31 ส.ค.) ผ่านไปแล้ว 6 ชั่วโมง ว่า พันธมิตรฯ เสนอให้ปิดการประชุมรัฐสภาได้แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สามารถแก้วิกฤติได้ เพราะรัฐบาลเปิดให้มีการอภิปรายเพื่อฟอกความผิดตัวเอง และมีการเตรียมคนไว้ตอบโต้ในทุกประเด็น รวมทั้ง ยังมีการพูดบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า บช.น. เมื่อคืนวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา


“พันธมิตรฯ ไม่สนใจการอภิปรายของรัฐสภาครั้งนี้ และได้เตรียมแผนกดดันครั้งใหญ่ ถ้านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังไม่ลาออก ภายใน 2-3 วันนี้ พันธมิตรฯ จะเปิดเกมรุก และถ้าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ครบ 100 วัน อาจจะมีการเผาหุ่นนายกฯ” นายสุริยะใส กล่าว และว่า ถ้าถึงจุดหนึ่ง นายกรัฐมนตรีคุมสถานการณ์ไม่อยู่ อาจจะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ไม่ทราบว่าทหารจะเอาด้วยหรือไม่


กันชรีน เลิศกิตติสุข
ID 5131601238
Sec 2

สนามบินหาดใหญ่เปิดแล้ว ภูเก็ต-กระบี่-สุราษฎร์ปิดต่อ รถไฟสายใต้หยุดวิ่งวันที่สอง

สถานการณ์ปิดสนามบินหาดใหญ่คลี่คลาย สั่งเปิดให้บริการตามปกติแล้ว
หลังพันธมิตรสงขลายุติชุมนุม แต่มีเฉพาะเที่ยวบินของการบินไทยกับนกแอร์เท่านั้น
ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ต กระบี่ ยังปิดต่อไม่มีกำหนด สุราษฎร์โดนด้วยต้องระงับ
เที่ยวบินตลอดวัน ขณะที่รถไฟสายใต้หยุดวิ่งเป็นวันที่สอง ผู้ว่าการ รฟท.เผย
สูญรายได้ 51 ล้าน ด้านไฟใต้ยังระอุ คนร้ายกดบึ้มทหารชุดคุ้มครองครู
บาดเจ็บ 5 นายที่รือเสาะ ระเบิดอีกลูกกู้ได้หวุดหวิด ความคืบหน้ากรณี
เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนปิดทางเข้า-ออก
ท่าอากาศยาน 3 แห่งในภาคใต้ คือท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จ.ภูเก็ต และ
ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อตอบโต้รัฐบาลที่ส่งกำลังตำรวจ
เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรภายในทำเนียบรัฐบาล
และสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทั่ง
บริษัท ทอท.จำกัด (มหาชน) ต้องสั่งงดเที่ยวบินทุกเที่ยวอย่างไม่มีกำหนดนั้น
ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 30 ส.ค.2551 ปรากฏว่าท่าอากาศยานหาดใหญ่
ได้เปิดให้บริการตามปกติแล้ว แต่มีเพียงสายการบิน 2 แห่งที่เปิดให้บริการ
ในเส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ คือสายการบินไทยและนกแอร์
ส่วนสายการบินแอร์เอเชียได้แจ้งยกเลิกเที่ยวบินในวันนี้ทั้งหมดร
วม 5 เที่ยวบิน สำหรับบรรยากาศที่บริเวณประตูทางเข้า-ออกท่าอากาศยาน
หาดใหญ่ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกว่า 300 นาย
ตรึงกำลังตลอดทั้งวัน เพื่อเตรียมรับมือกับกลุ่มพันธมิตรสงขลา
ที่อาจเดินทางมารวมตัวกันอีกรอบ ขณะที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย
ได้ตรวจค้นรถยนต์ทุกคันอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแฝงตัว
เข้าไปก่อเหตุร้ายภายในท่าอากาศยาน ภูเก็ตป่วนหยุดบินไม่มีกำหนด
ด้านความคืบหน้าการชุมนุมของพันธมิตรภูเก็ตที่ปิดทางเข้า-ออก
ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ (30 ส.ค.) กลุ่มพันธมิตรยังคงรวมตัว
ชุมนุมกันอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยแกนนำยืนยันว่าจะยกเลิกชุมนุม
ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีลาออก วันเดียวกัน นายวรพจน์ รัฐสีมา
รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสัณต์ จุลดิลก
รองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ น.ท.วิชา เนินลพ
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้า
การแก้ปัญหาเครือข่ายพันธมิตรปิดสนามบิน เพื่อลดผลกระทบ
เรื่องการคมนาคมและการท่องเที่ยว นายวรพจน์ กล่าวว่า
เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนต้องสั่งปิดสนามบินตั้งแต่
เมื่อเย็นวันที่ 29 ส.ค. และขณะนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า
จะเปิดให้บริการได้เมื่อใด ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่
จะใช้กำลังเข้าสลายม็อบนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
ที่ผ่านมาได้พยายามใช้วิธีเจรจาเพื่อให้สนามบินเปิดบริการได้
นายอุทัย สุขศิริสัมพันธ์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร จ.ภูเก็ต
กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์บุกรุกเข้าไปในสนามบินภูเก็ต
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง
เขาในฐานะที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวมานานไม่สามารถยอมรับ
พฤติกรรมดังกล่าวได้ จึงขอถอนตัวจากการเป็นแกนนำพันธมิตร
เพราะแนวทางของพันธมิตรยืนยันมาตลอดว่าจะชุมนุม
ด้วยความสงบ สันติ และไม่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
"ผมอยากเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลที่สร้างความเดือดร้อนให้ภูเก็ต
หยุดการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะการชุมนุมในพื้นที่ภูเก็ตที่ผ่านมา
จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสนามบิน เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวและส่งผลกระทบ
กับการท่องเที่ยวอย่างมาก" นายอุทัย กล่าว ขณะที่ นายธนู แนบเนียม
แกนนำกลุ่มกู้ชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ภูเก็ต กล่าวว่า
รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในท่าอากาศยานภูเก็ต
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. เพราะส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยว ฉะนั้นหลังจากนี้
จะไม่บุกเข้าไปในอาคารผู้โดยสารอีก ส่วนการชุมนุมนั้นยังดำเนินต่อไป
และจะยกเลิกเมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศลาออก สนามบินกระบี่ยังปิดต่อ
ที่บริเวณหน้าท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เครือข่ายพันธมิตร จ.กระบี่
ยังคงปักหลักชุมนุมปิดสนามบินเป็นวันที่ 2 พร้อมประกาศไม่ชนะไม่เลิก
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 30 ส.ค. มีประชาชนมาร่วมชุมนุมเพิ่มเติมอีก
ราว 150 คน มีรายงานว่า ผลจากการปิดสนามบินกระบี่ ทำให้เที่ยวบิน
ของสายการบินต่างๆ ต้องยกเลิกทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
และในวันที่ 30 ส.ค.มีเที่ยวบินจะต้องลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่
รวม 6 เที่ยวบิน แต่ก็ต้องยกเลิกทั้งหมดเช่นกัน ว่าที่ ร.ต.อัธยา ลาภมาก
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ กล่าวว่า ได้ประกาศระงับเที่ยวบินทุกเที่ยวบิน
อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ สำหรับนักท่องเที่ยว
หรือผู้โดยสารที่จองตั๋วเดินทางไว้ล่วงหน้ากับสายการบิน สามารถมาคืนตั๋ว
ได้ที่ท่าอากาศยาน และหากมีความประสงค์จะเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่น
ทางท่าอากาศยานจะจัดรถมารับถึงสนามบินเพื่อนำส่งให้ถึงจุดหมายต่อไป

สุราษฎร์โดนด้วย-ม็อบปิดทางเข้าออก
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เครือข่ายพันธมิตร จ.สุราษฎร์ฯ ได้เคลื่อนขบวน
ประมาณ 200 คนไปปิดทางเข้า-ออกท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ทำให้
บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ต้องประกาศงดเที่ยวบิน
สุราษฎร์ธานี -กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ -สุราษฎร์ธานี ทุกเที่ยวบิน
โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร
นายจำนง สารอักษร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี
กล่าวว่า สาเหตุที่การบินไทยประกาศงดเที่ยวบินสุราษฎร์ธานีนั้น
เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร เนื่องจากบริเวณทางเข้าออกสนามบินไ
ม่สะดวกที่จะสัญจร เพราะมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก แต่ภายในสนามบิน
ไม่มีการชุมนุมแต่อย่างใด คาดว่าในวันที่ 31 ส.ค. สถานการณ์น่าจะกลับเข้าสู่
ภาวะปกติรถไฟสายใต้หยุดต่อ-รฟท.สูญ 51 ล้าน ด้านรถไฟสายใต้
จำนวน 40 ขบวนยังคงหยุดเดินรถต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ซึ่งในจำนวนนี้มีขบวนรถ
ที่ให้บริการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย 14 ขบวน ทั้งนี้บรรยากาศ
ที่สถานีรถไฟต่างๆ ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากประชาชนรับทราบข่าวสาร
แล้วว่ารถไฟหยุดบริการอย่างไม่มีกำหนด
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหาร รฟท. ว่า วันนี้มีพนักงานหยุดงานเพิ่มอีก 15 คน
รวมเป็น 255 คน จากพนักงานทั้งหมด 2,216 คน ส่วนขบวนรถโดยสาร
ที่หยุดวิ่งยังคงเป็น 76 ขบวนเท่ากับเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ขณะที่รถขนส่งสินค้า
หยุดวิ่งเพิ่มอีก 15 ขบวน จากทั้งหมด 76 ขบวน ทำให้ในขณะนี้เหลือรถขนส่งสินค้า
เพียง 31 ขบวนเท่านั้น "การหยุดเดินรถในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทำให้
รฟท.สูญเสียรายได้กว่า 51 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรถโดยสาร 11 ล้านบาทต่อวัน
รถขนส่ง 6.5 ล้านบาทต่อวัน ส่วนยอดคืนตั๋วจนถึงขณะนี้มีจำนวน 2,430 ฉบับ
คิดเป็นมูลค่า 1,317,706 บาท" ผู้ว่าการ รฟท.กล่าว


ที่มาจาก.... http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=4022&Itemid=47

ชื่อ...นางสาว อารยา สุทธิอาจ ID...5131601588 SECTION...02
สำนักวิชา...นิติศาสตร์

อดีต ทรท.ปลุกพลังเงียบต้าน พธม.

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ในฐานะประธานมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 กล่าวถึงสถานการณ์ความวุ่นวาย
จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ที่ขณะนี้ลุกลามขยายวงไปทั่วประเทศ ในขณะนี้ว่า สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำอยู่ขณะนี้
ไม่เคารพกติกาของบ้านเมืองกระทบต่อคนส่วนใหญ่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง
นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศต่างหนีหมด เม็ดเงินที่ลงทุนไปแล้วก็สูญเปล่า
นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วงปลายปี และนำรายได้ลงไปสู่ประชาชนทุกระดับ
จะหายไปเป็นหมื่นๆล้าน ขอถามว่าคนไทยทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของประเทศจริงๆ
จะยอมให้พวกที่ทำอะไรก็ได้ตามใจเป็นพวกคณาธิปไตยทำเช่นนี้ได้หรือ
คนไทยจะยอมอยู่ในประเทศที่เป็นอย่างนี้หรือ ขอเรียกร้องให้คนส่วนใหญ่
ของประเทศออกมาบอกถึงความต้องการของท่านว่าต้องการอะไร
ต้องการจะให้รัฐบาลจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร รัฐบาลจะได้มีความชอบธรรม
ในการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ โดยอาจจะแสดงออกโดยการแสดงความเห็นผ่าน
เอสเอ็มเอส หรือลงคะแนนโหวตในเวทีที่มีการโหวตในประเด็นที่พวกท่าน
เดือดร้อนและต้องการหรือจะรวมตัวตั้งกลุ่มขึ้นมาเปิดโต๊ะเปิดลงรายชื่อประชาชน
บอกให้ พธม.เลิกเสียที หยุดเสียทีที่ทำความเดือดร้อนให้คนทั้งประเทศ
จวกตั้งกติกาบ้าบอดึง ปชต.ถอยหลัง นายพงศ์เทพกล่าวว่า
ทั้งนี้ตนไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
แต่เชื่อว่าท่านคงติดตามสถานการณ์จากข่าวที่ออกไปทั่วโลกด้วยความห่วงใย
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งสำหรับการเรียกร้องของ กลุ่มพันธมิตรฯ
ที่ต้องการขับไล่นายกฯและรัฐบาลออกไปนั้นไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้ว
และโดยวิธีการที่ใช้ก็รุนแรงและผิดกฎหมาย ต้องตั้งคำถามว่าคนไทยทั้งประเทศ
จะฝากอนาคตเอาไว้กับกลุ่ม พธม.ไม่กี่คนที่แต่ละคนล้วนมีปูมหลังได้อย่างไร
และต้องถามว่าถ้าเรายอมปล่อยให้คนเหล่านี้ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆ
เที่ยวไล่บีบให้รัฐบาลออก ทำแบบนี้ได้อีกหน่อยคนอื่นก็ทำอย่างนี้ได้เหมือนกัน
แล้วเราจะมีการเลือกตั้งทำไม จะมีรัฐบาลชุดไหนที่อยู่ได้ภายใต้กติกาบ้าๆบอๆอย่างนี้
เท่าที่ดูพฤติกรรมของ พธม. คนเหล่านี้พยายามดึงการปกครองของไทย
ให้ถอยหลังไปไกลจากระบอบประชาธิปไตยไกลมากขึ้น ยิ่งมาเสนอรูปแบบ
การเมืองใหม่ เลือกตั้ง 30 แต่งตั้ง 70 มันจวนจะแย่กว่าปี พ.ศ.2475 อยู่แล้ว
ลุ่มหนุน รบ.ก่อหวอดพิทักษ์ ปชต. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. มีรายงานจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า
ขณะนี้ได้เริ่มมีกระแสความไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯเริ่มเคลื่อนไหว
ก่อตัวออกมาเรื่อยๆ โดยใน กทม.นั้น ทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ
(นปช.)ที่ได้นัดรวมพลเป็นวันแรก ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ท้องสนามหลวง โดยในเบื้องต้น
คาดว่าการชุมนุมของ นปช.ในวันแรกอาจจะมีคนออกมาชุมนุมไม่มากนัก
ประมาณ 2,000-3,000 คน แต่หลังจากนั้นไปคงจะมีกลุ่มมวลชนอื่นๆ
ที่ไม่พอใจกลุ่ม พธม.เช่นกันทยอยออกมาร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้นอีก
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะที่ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่เป็นจังหวัดซึ่งเป็นฐานเสียง
ของพรรคพลังประชาชน ทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง
กว่า 20 จังหวัด ก็เริ่มมีการเตรียมเคลื่อนไหวของกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล
จะออกมาจัดการชุมนุมอยู่ในพื้นที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อเรียกร้อง
การรักษาระบอบประชาธิปไตยและสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีมวลชน ร่วมชุมนุมจังหวัดละ 5,000 คน
โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่อต้านการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่ม พธม.
และจัดเตรียมกำลังเพื่อออกไปปกป้องสถานีวิทยุกระจายเสียงสนามบิน
หรือสถานที่สำคัญๆ ที่คาดว่ากลุ่ม พธม.ในแต่ละจังหวัดจะบุกเข้าไปยึดอีกด้วย
นปช.ผุดเวทีสนามหลวง-หมอชิต 2 ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มต้านพันธมิตรฯ
ซึ่ง มีการประกาศนัดชุมนุมในวันที่ 30 ส.ค. เช่นกันนั้น
ปรากฏว่า ที่ฝั่งท้องสนามหลวง ฝั่งสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ซึ่งมีนายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายชิณวัตร หาบุญพาด นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท
เป็นแกนนำได้เปิดเวทีปราศรัยขนาดใหญ่ ประกาศตัวต่อต้าน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 16.00 น. โดยเนื้อหา
ปราศรัยส่วนใหญ่โจมตีการกระทำ ของกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์
ว่ามีเจตนาก่อกบฏล้มล้างรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางประชาชน ที่ให้การสนับสนุนใส่เสื้อสีแดง
และเสื้อสีฟ้านับพันคน ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุม และร่วมลงชื่อ
แสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล
และสนับสนุนการทำงานของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
บริหารประเทศกันอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันที่ริมรั้วด้านนอกประตูทางออก
สถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนน กำแพงเพชร2 ในเวลา 17.00 น. ก็มีกลุ่มที่อ้างตัวว่า
เป็นวิทยุชุมชน คลื่นวิทยุ 94.75 เมกะเฮิรตซ์ ประมาณ 10 คน
มาตั้งเวทีชั่วคราวขนาดย่อมขึ้นปราศรัยเชียร์นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
และสนับสนุนรัฐบาล พร้อมกับกล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า
สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยมีวินมอเตอร์ไซค์และประชาชน
ให้ความสนใจ นั่งฟังประมาณ 50 คน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.บางซื่อ 10 นายคอยดูแลความเรียบร้อย นัดรวมพลร่วมจับ 9 พธม.
ต่อมาเวลา 20.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้นำ นปก.1 ได้ขึ้นเวที
ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวกับผู้มาฟังการปราศรัย
ที่ท้องสนามหลวง ถึงแนวทางต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ว่ากำลังหารือ
กับผู้นำองค์กรและเครือข่าย นปก. ผู้รักประชาธิปไตย กว่า 40 องค์กร
ว่าจะร่วมกันดำเนินการเคลื่อนไหวในนาม นปช. หรือแยกกัน
เคลื่อนไหวใช้กลยุทธ์ดาวกระจาย เพื่อจับแกนนำกบฏต่อประชาธิปไตยทั้ง 9 คน
มานำดำเนินคดีตามกฎหมาย ปกป้องระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
และคาดว่าจะเปิดเวทีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งจะมีการจัดงาน
รำลึก 2 ปีรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 จากนั้น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
หนึ่งในแกนนำ นปก.2 ได้ขึ้นเวทีประกาศเชิญชวนประชาชนไปร่วม
ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และปกป้องสถาบันนิติบัญญัติด้วยสองมือเปล่า
ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ร่วมกับกลุ่มพี่น้องประชาชนจากภาคเหนือและภาคอีสาน
ตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 31 ส.ค. โดยขอให้ทุกคนที่จะไปร่วมชุมนุม
อดทนและอดกลั้นต่อการยั่วยุของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างถึงที่สุดธรรมยาตรา
บุกบ้านนายกฯ อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ที่บริเวณปากซอยนวมินทร์ 83
ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. ทางเข้าบ้านนายสมัคร สุนทรเวช
นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เมื่อเวลา 21.00 น. กลุ่มธรรมยาตรา
ประมาณ 10 คน นำโดยนายสมาน ศรีงาม ประธานคณะธรรมยาตรา
กอบกู้ผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา พร้อมพระสงฆ์ 1 รูป
เดินทางไปยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ที่รักษาการณ์
อยู่บริเวณปากซอย เพื่อมอบให้แก่นายสมัคร โดยนายสมานกล่าวว่า
เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่มิคสัญญี แผ่นดินลุกเป็นไฟ
กำลังพัฒนาไปสู่สงครามกลางเมือง เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว
พวกตนจึงขอเรียกร้องนายกฯ ถวายคืนอำนาจแด่ในหลวง หลังจากนั้น
ทั้งหมดนั่งลงสวดมนต์ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงเดินทางกลับ สั่งยำ ตร.แฝงตัว
อุ้มแกนนำ ด้านเวทีพันธมิตรฯนั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ขึ้นประกาศบนเวที
ด้วยความดุดันว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ส่ง
ตำรวจสันติบาล 9 ชุดมาแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม และวางแผนให้
นปก.คอยป่วนสถานการณ์ ให้พวกเราเผลอเพื่อฉวยโอกาสเข้าอุ้ม
แกนนำพันธมิตรฯ ดังนั้น เราต้องระวังให้ดี หากมีคนจำนวนมากไปห้อมล้อม
และฉุดยื้อแกนนำ ให้เข้าไปถล่มแบบไม่ต้องยั้ง เพราะหลังจากนั้น
ก็จับมือใครดมไม่ได้ ขอให้สันติบาลทั้ง 9 ชุดออกจากพื้นที่ชุมนุมเพราะ
เราจะส่งอดีตนายตำรวจสันติบาลเข้าไปตรวจ หากจับได้จะโดนรุมสกรัม
มากหนักกว่าแน่ และเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เวลา 21.00 น. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ
รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุวรรณเภสัช และ
พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ได้ไปประชุมวางแผนจับกุมแกนนำ
และสลายการชุมนุมที่ บก.ตชด.1 คลอง 6 จ.ปทุมธานี ซึ่งเรารู้ดี

ที่มาจาก... http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=102506

ชื่อ...นางสาว อารยา สุทธิอาจ ID...5131601588 SECTION...02 สำนักวิชานิติศาสตร์

โพลล์ชี้ ความสุข

โพลล์ชี้ ความสุขคนกรุง ช่วงส.ค. ตกต่ำสุด พันธมิตร-การเมือง เป็นเหตุ


เอแบคโพลล์ เผยความสุขคนกรุงเทพฯ ช่วงเดือนสิงหาคม ตกต่ำ สุด การเมืองยังเป็นปัจจัยหลักทำคนหดหู่ และมีแนวโน้มจะเศร้าลงอย่างต่อเนื่อง ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขประชาชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ความสุขมวลรวมในช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ว่าช่วงวันที่ 21-30 สิงหาคม ได้สำรวจความเห็นประชาชนใน 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา ระยอง ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี นครราชสีมา สุรินทร์ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ กระบี่ สุราษฎร์ธานี และพัทลุง จำนวน 2,956 ตัวอย่าง พบว่า ค่าคะแนนความสุขมวลรวมของประชาชนทรุดหนัก ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.30 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ลดลงมาอยู่ที่ 5.82 คะแนน


ดร.นพดลกล่าวว่า เมื่อจำแนกเป็นรายภาค พบว่า ความสุขมวลรวมลดลงทุกภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าความสุขต่ำสุดอยู่ที่ 5.37 และคนกรุงเทพฯมีค่าความสุขต่ำเป็นอันดับรองสุดท้ายคือ อยู่ที่ 6.07 ขณะที่คนภาคใต้มีความสุขมากที่สุดคือ 6.17


ที่น่าพิจารณาคือ ความสุขด้านต่างๆ ของคนกรุงเทพฯมีค่าความสุขรวมต่ำกว่าคนในภาคอื่นๆ และมีค่าต่ำที่สุด ได้แก่ ค่าความสุขต่อบรรยากาศทางการเมือง จากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับรัฐบาล อยู่ที่ 2.93 เท่านั้น ขณะที่ด้านสุขภาพจิต พบว่าคนกรุงเทพฯมีความสุขน้อยกว่าภาคอื่นๆ โดยกรุงเทพฯอยู่ที่ 6.01 ภาคเหนือได้ 6.66 ภาคกลางได้ 6.25 ภาคอีสานได้ 6.08 และภาคใต้ได้ 7.02 ดร.นพดลกล่าว และว่า ขณะที่ความสุขต่อความจงรักภักดีเพิ่มสูงขึ้นจาก 9.28 ในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 9.49 ในเดือนสิงหาคม


ดร.นพดลกล่าวว่า ได้วิเคราะห์ด้วยสถิติวิจัยพบว่า บรรยากาศความขัดแย้งรุนแรงระหว่างพันธมิตรกับรัฐบาล มีผลกระทบต่อความสุขของคนกรุงเทพฯ ในด้านความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและความสัมพันธ์ของประชาชนภายในชุมชนอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ทุกๆ ฝ่ายต้องเร่งดำเนินการโดยด่วนก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงบานปลายไปมากกว่าปัจจุบัน และหน่วยงานด้านสุขภาพจิตต้องเร่งแนะนำช่วยให้ประชาชนผ่อนคลายความเครียดจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น


โดย มติชนวัน อาทิตย์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551 19:36 น.


ชื่อ กันชรีน เลิศกิตติสุข ID 5131601238 Section 2 สำนักวิชา นิติศาสตร์

โปรดเกล้าฯแต่งตั้งทหารประจำปี 2551


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

แต่งตั้งนายทหารรับราชการประจำปี 2551


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายทหารรับ
ราชการ ประจำปี 2551แล้ว ทั้งสิ้น 556 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งสำคัญ ดังนี้

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็น รองผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 เป็น เสนาธิการทหารบก โดยมี พล.ต.คณิต สาพิทักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น แม่ทัพภาคที่1 พล.ต.พิเชษฐ์ วิสัยจร รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น แม่ทัพภาคที่ 4

ในส่วนของกองทัพเรือ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ เป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.สมเดช ทองเปี่ยม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น รองผู้บัญชาการทหารเรือ

กองทัพอากาศ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารรอากาศ เป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.คณาพันธุ์ สงวนสัตย์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธทางอากาศ เป็น รองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ท.มานิต สพันธุพังษ์ รองเสนาธิการทหารอากาศ เป็น เสนาธิการทหารอากาศ ส่วน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น จเรทหารทั่วไป

ขณะที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อ.พุฑฒิ มังคลาพฤกษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก http://www.innnews.co.th
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ขอโทษ VS ให้อภัย ... 2 คำสั้นๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่นัก

คนเราเมื่ออยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในสังคมใดหรือที่ไหน ย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง และผลของการกระทบกันนี้ย่อมทำให้คู่กรณีเกิดความไม่พอใจ โกรธเคือง และอาจกลายเป็นศัตรูกันในที่สุด หากเป็นเช่นนี้แล้วทั้งสองฝ่ายย่อมเกิดการอาฆาต พยาบาทกันแน่นอน แต่หากทั้งสองฝ่ายรู้จัก "ขอโทษ" และ "ให้อภัย" ความโกรธ เกียจ เหล่านี้ย่อมหมดไป

"ขอโทษ" และ "ให้อภัย" เป็นเรื่องที่ทำยาก เพราะมันต้องมาจากการให้อภัย โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้ใดๆ บางคนอาจบอกว่า หาก "ขอโทษ" และ "ให้อภัย" จะเป็นการเสียศักดิ์ศรีหรือการเป็นผู้แพ้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่. . . ถ้าคุณรู้จักให้อภัยและขอโทษคุณจะเป็นผู้ชนะต่างหาก ชนะใจตนเอง และเป็นผู้กล้าหาญ ที่คุณยอมรับความผิดนั้นได้ แล้วก็ยอมขอโทษ ในสิ่งที่ได้กระทำลงไป . . . .

อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงคำ 2 คำนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงการ์ตูนของคุณกะว่าก๋า เรื่องหมื่นตากับการให้อภัย แล้วอยากนำเสนอให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน และรู้จักกล่าวคำ "ขอโทษ" ทุกครั้งที่ทำผิด และ "ให้อภัย" ทุกครั้งเมื่อได้ฟังคำขอโทษ หากทุกคนรู้จักคำ 2 คำนี้แล้ว เชื่อว่าสังคมไทยคงจะสงบสุข ร่มเย็นแน่นอน









ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก kapook.com
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตรฯหน้าบช.น.


แกนนำพันธมิตรฯขีดเส้นตายหนึ่งทุ่ม ส่งตัวตำรวจที่ทำร้ายประชาชน ถ้าไม่ปฏิบัติตามไม่รับประกันความปลอดภัยพื้นที่ กทม. เบื้องต้นเข้าล้อมบช.น.และมีการยิงแก๊สน้ำตาใส่พันธมิตรฯ เมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯประมาณ 1,000 คน นำโดยนายศิริชัย ไม้งาม และร.ต.แซนดอน ได้เดินทางมาปิดล้อมบริเวณสนามม้านางเลิ้ง ซึ่งเป็นจุดพักกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งส่งตัวแทนไปเจรจากับร.ต.ท. โสภิศ องอาจ รองผบก.กองร้อยควบคุมฝูงชน ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ถอนกำลังเจ้หน้ที่ตำรวจประมาณ 150นาย ออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รับปากพร้อมทั้งขอให้พันธมิตรฯเปิดทางให้ด้วย อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า บริเวณภายในดังกล่าวมีรถตู้จำนวน 5 คัน รถขนผู้ต้องหา 2 คัน และรถจักรยานยนต์ของตำรวจอีกจำนวนหนึ่งจอดอยู่ แต่รถตู้กลับถูกปล่อยลมยางทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจะใช้เดินทางได้ คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ท้งหมดคงจะต้องเดินเท้าออกไป โดนทางกลุ่มพันธมิตรได้กระจายกำลังกันออกไปตรวจสอบภายในนามม้า ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามม้าได้นำกุญแจมาล็อคห้องต่างๆภายในสนามม้าไว้ โดยคาดว่าพันธมิตรจะปักหลักที่นี่เพื่อใช้เป็นด่านหน้าก่อนที่จะถึงทำเนียบรัฐบาล พันธมิตรฯขู่ปิดล้อมโรงพัก-ทั่วประเทศลุกเป็นไฟ เมื่อเวลา 16.00 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ 5 คน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯได้หารือและมีมติว่าให้ตำรวจส่งตัวนายตำรวจที่สั่งการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมในการบุกยึดสถานที่การชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานฯและพื้นที่รอบ ๆ ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ หากไม่ส่งตัวมาให้ภายในเวลา 19.00 น. วันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯก็จะนำกำลังไปล้อมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ละไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน รวมทั้งจะไม่รับประกันความปลอดภัยหรือเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. นอกจากนี้ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯยังได้ส่งกำลังส่วนหนึ่งไปล้อมสนามม้านางเลิ้ง เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักอยู่ในบริเวณดังกล่าวออกไปนอกพื้นที่ให้หมด รวมทั้งจะไปปิดล้อม สน.นางเลิ้งด้วย และขอเตือนว่าต่อไปนี้ถ้ามีการทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมอีกทุก สน.ทั่วประเทศก็จะลุกเป็นไฟ พันธมิตรม็อบปิดล้อม บช.น.แล้ว กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนเท้าจากทำเนียบฯกว่าหนึ่งพันคน มาปิดล้อมด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมรถเครื่องขยายเสียงเรียกร้อง ผบ.ตร.-ผบช.น.จับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สั่งการสลายม็อบและจับกุมตำรวจที่ทำร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มาลงโทษให้ได้ โดยผู้ชุมนุมได้โห่ร้องตะโกนด่าทอตำรวจถ้ำการรักษาความปลอดภัยของตำรวจกว่า 200นาย ขณะที่ห้องประชุมชั้นบนอาคารบช.น. ผบ.ตร. และผบช.น. รวมทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กว่าลงประชุมหารือกำหนดท่าทีอย่างเคร่งเครียด บช.น.โดนปิดตายเข้าออกไม่ได้ เมื่อเวลา18.45 น.กลุ่มพันธมิตรกว่าหนึ่งพันนายรวมตัวกันเพื่อกดดันให้ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น.ออกมารับผิดชอบกับการกระทำอันโหดร้ายทารุณกับประชาชน พร้อมทั้งเรียกร้องให้นำเงินบริจาคนับแสนและโทรศัพท์มือถือที่หายไปมาคืน แกนนำกลุ่มพันธมิตรได้ปลุกระดมเป็นระยะๆจากนั้นได้ส่งให้ผู้ชายที่เป็นการ์ดตั้งแถวตอนและนับถอยหลัง พร้อมๆกันโดยเริ่มจาก 5-4-3-2-1 พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมได้ลุกขึ้นเฮพร้อมเขย่าประตูเพื่อพังประตูเข้าไปหลังจากนั้นประมาณ 10 -15 นาที ปรากฏได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าที่กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 10กว่านัด ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้สื่อข่าวและกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก แต่หลังจากหยุดยิงแก๊ส กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้หยุดนิ่งก็คงยังเฮโลกันเข้าไปอีก พร้อมทั้งมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกหามส่งขึ้นรถพยาบาลจำนวนมาก ช่วงที่ชุลมุนวุ่นวายก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนนึงร้องโวยวายการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงใช้ไม้ขนาดใหญ่ทุบตี รถยนต์ตำรวจ และรถผู้สื่อข่าวช่อง3 รถผู้สื่อข่าวช่อง7 ที่จอดอยู่บริเวณรอบนอกของนครบาล แต่ทางกลุ่มพันธมิตรอีกจำนวนนึงกล่าวว่า กลุ่มที่โวยวายและทุบตี พังรถยนต์นั้นไม่ใช่กลุ่มของพวกตน ซึ่งเชื่อว่าเป็นมือที่สามน่าจะเป็นพวก นปก.แฝงตัวเข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้สังคมมองว่ากลุ่มพันธมิตรเป็นฝ่ายผิด กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคงยืนเกาะกลุ่มอยู่ด้านหน้า บช.น.ยังไม่ยอมถอย ยังคงยืนยันความต้องการให้ พล.ต.ต.สุชาติ ออกมารับผิดชอบผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้ บช.น.ถูกปิดตาย ไม่สามารถเข้าออกได้ เมื่อเวลา 19.00 น. พันธมิตรฯได้ชุมนุมบริเวณหน้าบชน.ก่อนมีการยิงงแก๊สน้ำตาเกือบ 10 นัด ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดการแตกตื่นและได้ทยอยไปร่วมขณะนี้ประชาชนได้ตรึงพื้นที่จำนวนมากจนล้นด้านหน้าบชน.บนถนนกรุงศรีอนุธยา ถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ทั้งนี้ประชาชนต่างทยอยเขาร่วมชุมนุมบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลอย่างต่อเนื่องพร้อมโห่ร้องอย่างโมโห ขณะที่แยกมิสกวันถึงเวทีสะพานมัฆวานฯที่มีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่และเปิดปราศรัยให้ประชาชนที่เข้าร่วมได้รับฟัง แต่ยังไม่มีการฉายจอโปรเจคเตอร์เนื่องจากเสียหายจากที่เมื่อเช้าตำรวจได้เข้าไปสลายการชุมนุม อย่างไรก็ตามคนที่มาชุมนุมส่วนมากมาจากต่างจังหวัด เมื่อเวลา 19.12 น. ภายหลังผู้ชุมนุมได้รับทราบข่าวว่า บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการยิงแก๊สน้ำตา ใส่ผู้ชุมนุมนับ 1,000 คน ได้พากันตั้งแถวและเคลื่อนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปสมทบ กับผู้ชุมนุมบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย แต่ละคนต่างสวมหมวกกันน็อคและพกขวดน้ำ เพื่อใช้ปฐมพยาบาลหากถูกแก๊สน้ำตา บางคนที่ไม่มีอาวุธ ก็พกขวดน้ำคนละ 2-3 ขวด เพื่อใช้ขว้างปา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : คมชัดลึก ออนไลน์
เขียนโดย : น.ส. จันทนีย์ กิตติศักดิ์เสรี ID 5131601263 สำนักวิชา นิติศาสตร์

อำมหิตผิดมนุษย์! ตร.ตีคนแก่ สกัดห้ามเข้าสมทบพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ



ล่าสุดเมื่อเวลา12.00น. ตำรวจเข้าสกัดไม่ยอมให้ประชาชนผ่านเข้าร่วมชุมนุมในทำเนียบฯด้านแยกลานพระรูปฯ จนเกิดเหตุปะทะ มีคนแก่ถูกตีได้รับบาดเจ็บหลายราย -แกนนำพันธมิตรฯ ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีจัดระเบียบผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบและตื่นตัวรับมือหากถูกสลายการชุมนุม หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหมายจะฉวยโอกาสขณะเข้ามาติดหมายศาลเข้าชาร์จ


วันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีชั่วคราวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 10.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีประกาศเรียกให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าปิดหมายศาล พร้อมกับนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนายเข้ากระจายตามประตูต่างๆ

พล.ต.จำลอง กล่าวบนเวทีผ่านเครื่องขยายเสียงโดยพยายามจัดรูปการชุมนุมให้ประชาชนเข้ามานั่งรวมกันจนเต็มพื้นที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับบอกยามทุกประตูว่าถ้าไม่สามารถจะยั้งตำรวจได้ อย่าไปตีรันฟันแทง ให้ถอยออกมารวมกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

“ตำรวจพยายามเข้ามาหลายประตู ถ้าเห็นว่ากำลังเขามากกว่ามีเขามีกระบองและโล่ห์ ให้ถอยมาหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เราพร้อมจะรับมือกับตำรวจแล้ว”

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เวลา 11.00 น. แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวที จัดระเบียบผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้เข้ามาภายในทำเนียบฯ มากที่สุด อย่าอยู่กันแต่โดยรอบนอกทำเนียบฯ

ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สหภาพแรงงานฯ ให้นัดหยุดงานกันให้หมด มากขึ้นๆ แล้วเข้ามารวมกันที่ทำเนียบฯ รวมทั้งประชาชนที่ยังอยู่บ้านให้ออกมารวมตัวกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม อย่าเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เรามาต่อสู้เพื่อสถานบันที่เราเคารพและเพื่ออำนาจอธิบไตยของชาติ รวมทั้งสู้เพื่อเอาทรัพย์สินของชาติที่มันโกงกินไปกลับคืนมา เราทำหน้าที่รัฐบาล แต่รัฐบาลมันทำหน้าที่โจร เราทุกคนต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งใคร

เมื่อเวลา 11.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามที่จะแหวกเข้ามาในทำเนียบฯ ทางด้านประตู 7 ทำให้นายสมศักดิ์ขึ้นเวทีขอเพิ่มการ์ดอาสาเข้าตรึงกำลังอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อเวลา 11.54 น. พล.ต.จำลอง ขึ้นเวทีชั่วคราวฯอีกครั้ง พร้อมประกาศว่าขณะนี้เวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ถูกตำรวจเข้าไปสลายแล้ว เขาสลายพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ แล้ว โดยใช้แก๊สน้ำตา ฉะนั้นขอให้พี่น้องออกมาได้แล้วมารวมตัวกันที่ทำเนียบฯ และให้พี่น้องที่มัฆวานฯ เข้ามารวมกันที่ทำเนียบฯ

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ตามข่าวพวกที่เฝ้าเต็นท์บอกว่า ตำรวจโหดเหี้ยมมาก เอาเหล็กตีเสาเต็นท์พังหมด แล้วโยนของเราทิ้งคลองหมด แม้กระทั่งโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ทำงาน อย่างไรก็ตาม พี่น้องไม่ต้องตกใจ เขาโหดเหี้ยมกับข้าวของ ยังไม่ได้โหดเหี้ยมกับใคร เขาคงยังรักษาวินัยของเขาที่ไม่ทำร้ายประชาชน ของเสียเสียไป เสร็จงานเมื่อไหร่ฟ้องเรียกค่าเสียหายคืนเมื่อนั้น

เมื่อเวลาประมาณ 12.00น. เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งมีแต่ผู้หญิงและคนแก่ ที่บริเวณแยกลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่ประชาชนเหล่านั้นเดินทางเข้ามาสมทบกับพันธมิตรฯในทำเนียบฯ แต่เจ้าหน้าที่เข้าขวางไม่ยอมให้เข้า เป็นเหตุให้มีประชาชนบาดเจ็บหลายราย

นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส) กล่าาวว่า สรส.ได้นัดหารือมาตรการตอบโต้รัฐบาลขั้นเด็ดขาดที่นี่ วันนี้ รัฐบาลอาจจะชนะในการสลายการชุมนุมที่นี่ แต่ข้างนอกเขาไม่อาจชนะเราได้ วันนี้ รถไฟได้หยุดงานแล้ว 100 % และรัฐวสิหากิจอื่นๆ กำลังจะตามมา เราจะตอบโต้รัฐบาลรุนแรงมากขึ้น

"พี่น้องรัฐวิสาหกิจของให้ฟังเสียงสาวิทย์ แก้วหวาน ลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ขอให้พวกท่านจงปฏิบัติการขั้นสูงสุด ตามที่นัดหมายกันไว้ เขาอาจจะสลายพวกเราในที่ได้ แต่สลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของเราไม่ได้"นายสาวิทย์กล่าว

เมื่อเวลา 12.30น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ประชาชนอีกประมาณกว่า500 คนยังไม่สามารถฝ่าด่านตำรวจจากแยกพระบรมรูปทรงม้า มายังทำเนียบรัฐบาลได้ เนื่องจากกำลังตำรวจมีมากกว่า

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ประชาชนพยายามผลักดันฝ่าตำรวจจนเกิดเหตุปะทะกันนั้น ได้มีรถยนต์BMW ป้ายแดง ที่ขับตรงมายังลานพระบรมรูปฯ ได้พุ่งรถเข้าหาตำรวจและจอดขวางไม่ได้ทำร้ายประชาชน พร้อมกับเปิดกระจกรถตระโกนด่าทอตำรวจ ก่อนจะหักรถเลี้ยวกลับไปจอดลานพระบรมรูปฯแล้วลงมาร่วมกับประชาชน

เมื่อเวลา 13.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้าไปดูแลประชาชนที่บาดเจ็บจากการถูกตำรวจตีที่สะพานมัฆวานฯ

เมื่อเวลาประมาณ13.20น. สมาชิกวุฒิสภากว่า10คน เดินทางเข้าให้กำลังใจพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ พร้อมกับขึ้นเวทีปราศรัย ประนามการกระทำของตำรวจที่ใช้กำลังเข้าตีประชาชนมือเปล่าจนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา13.45น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ได้มีประชาชนทะยอยมารวมพลมากขึ้นเรื่อยๆร่วมพันคนแล้ว แต่ยังไม่สามารถฝ่าด่านกั้นตำรวจเข้ามารวมที่ทำเนียบรัฐบาลได้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีชายฉกรรจ์อายุไม่เกิน 30ปี ใส่แจ๊คเก็ตดำ สวมหมวกดำและแว่นตาดำ เข้าไปยืนถ่ายวิดีโอผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ และเมื่อมีผู้ชุมนุมเห็นก็ได้ตระโกนบอกว่ามีตำรวจสันติบาลเข้ามาให้จับไว้ ชายคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหนีไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังหนีออกมาได้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม ชายคนดังกล่าว อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง โดยนายใช้ให้มาบันทึกภาพเอาไว้

เมื่อเวลา 14.04น. แกนนำพันธมิตรฯ ขอกำลังอาสาสมัครเพิ่ม เพื่อเป็นผู้นำเอาประชาชนที่ติดค้างอยู่บริเวณด่านตำรวจให้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมขอรับบริจาคหมวกกันน๊อค และเวชภัณฑ์ทำแผลจำนวนมาก โดยยื่นความจำนงค์บริจาคได้ที่ 089-8921065

เมื่อเวลาประมาณ 14.04น. ช่างภาพเอเอสทีวี ขึ้นเวทีเผยนาทีโหด เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่สะพานมัฆวานรังสรรค์

ทั้งนี้ช่างภาพเอเอสทีวี ระบุว่า ตนเห็นกับตาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารุมตีประชาชนมือเปล่า จนกองลงไปกับพื้น และตนก็บันทึกเทปไว้ได้ทัน และเมื่อตำรวจเห็นตนถ่าย ก็รีบเข้ามาห้ามไม่ยอมให้ถ่ายภาพไว้ และเมื่อตนแสดงตัวว่าเป็นสื่อมวลชนกำลังทำหน้าที่ ตำรวจก็ยังไม่ยอมให้ถ่ายภาพ จึงเกิดการยื้อกันและตำรวจได้ใช้กระบองตีตนเอง

เมื่อเวลาประมาณ 14.10น. มีรายงานข่าวว่า พันธมิตรฯสงขลาและภูเก็ตได้เข้าปิดสนามบินแล้ว ขณะที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ทยอยลางานเข้าสมทบที่ทำเนียบฯเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ได้ประกาศให้ประชาชนที่อยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯ เข้าไปช่วยเหลือญาติธรรมสันติอโศกที่มีแต่ผู้หญิงและคนแก่ ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ริมรั้วทำเนียบฯ

เมื่อเวลา14.40น. ผู้สื่อข่าวรายงานวา พันธมิตรฯจำนวน 3พันคน ได้เคลื่อนพลจากประตู 7 ผ่านไปทางคลองผดุงกรุงเกษม และเข้ากดดันตำรวจที่เวทีมัฆวานฯจนสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้ จากนั้นได้ตรึงกำลังไว้ที่เวทีมัฆวานฯประมาณ 2พันคน ขณะที่อีก1พันคน ได้เคลื่อนต่อไปยังแยกมิสกวัน และสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้แล้วเช่นกัน

เมื่อเวลา 14.48น. แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม พร้อมเรียกร้องให้ออกมาร่วมแสดงพลังด้วยกัน

เมื่อเวลาประมาณ 14.50น. พันธมิตรฯ ได้ยึดพื้นที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ คืนได้แล้ว

มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดนประมาณ 4พันนาย ได้เข้าตรึงกำลังอยู่ในสนามม้านางเลิ้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.20น. ทุกแนวป้องกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ถูกประชาชนพันธมิตรฯตีโอบและยึดพื้นที่คืนไว้ได้หมดแล้ว โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ถอยรนเดินกลับ พันะมิตรก็ได้ปรบมือให้เจ้าหน้าที่ด้วยยกเว้นพื้นที่ประตู 5 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลายร้อยนายในเขตทำเนียบรัฐบาลตรงบริเวณตึกแดง ขณะทีพันธมิตรฯ ได้อออยู่ด้านนอกหน้าประตู 5 โดยมีนายพิชิต ชัยมงคล โฆษกเวทีพันธมิตรฯ คอยควบคุมผ่านรถเครื่องขยายเสียง

เมื่อเวลา 15.30น. ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้เปิดประตู5ทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว พร้อมกับเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย ประกอบไปด้วย ตชด. 8กองร้อย และนครบาล 4 กองร้อย พร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ เดินออกจากทำเนียบฯ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 12กองร้อย ได้เดินเป็นแนวหน้ากระดานเรียงห้า ออกไปทางแยกมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายที่ได้เข้ามาสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ควบคุมพันธมิตรฯ ได้ประกาศผ่านเครื่องเสียงโดยย้ำไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้ายหรือด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างปรบมือให้ตำรวจเหล่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร

ปตท.เปิดปั๊ม E85 ขายลิตรละ 20.19 บาท

วันนี้ (29 ส.ค.) พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดจำหน่ายน้ำมัน E85 พลัส แห่งแรกของประเทศ ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ริมทางพิเศษเฉลิมมหานคร ว่า นับเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมัน E85 ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นก้าวแรกของการปรับโครงสร้างเชื้อเพลิงของประเทศไทย ที่ประชาชนจะมีทางเลือกของการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดราคาขาย E85 ให้มีราคาต่ำกว่า แก๊สโซฮอล E10 ถึงร้อยละ 30 โดยอยู่ที่ลิตรละ 20.19 บาท นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กนช.) กำหนดการใช้น้ำมัน E85 ให้เป็นวาระแห่งชาติในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม จากการผลักดันนโยบาย E85 สำหรับประเทศไทย ด้วยสัดส่วนของการใช้เอทานอล ที่เพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าจะช่วยให้ประเทศ ลดการนำเข้าน้ำมันลงได้ ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ปีนี้จะผลักดันให้มีสถานีบริการน้ำมัน E85 ทั่วประเทศให้ได้ 30 แห่ง และตั้งเป้ารถที่ใช้น้ำมัน E85 ให้ได้ 200 คัน.

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หลบมุมคลายเครียด : กาตูนย์





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ไทยรัฐ
ปีที่ 59 ฉบับที่ 18482 วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม 2551

เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

เซอร์ไพรส์! กัปตันการบินไทยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ



กัปตันการบินไทย ประกาศเลือกข้างเป็น “พวกพันธมิตรฯ” ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบ จวก ครม.“สมัคร” สุดอัปลักษณ์ เต็มไปด้วยนอมินีผัว-เมีย ย้ำไม่ไว้วางใจให้นำพาประเทศชาติอีกต่อไป

เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันที่ 28 ส.ค.นาวาอากาศตรี คฑาทอง สุวรรณทัต กัปตันเครื่องบินโบอิง 737-400 เที่ยวบินในประเทศ ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในบริเวณทำเนียบรัฐบาล หลังจากเสร็จภาระกิจการขับเครื่องบิน

กัปตัน คฑาทอง กล่าวว่า สาเหตุที่ตนมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็เพราะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ท้าให้ประชาชนเลือกข้าง ตนจึงมาเพื่อที่จะบอกว่าตนเป็นพวกพันธมิตรฯ ประการที่ 2 ตนต้องการออกมาขอบคุณพันธมิตรฯ ที่ปกป้องชาติปกป้องแผ่นดิน

“ผมถือว่าพวกท่าน คือ วีรบุรุษวีรสตรี ขอได้รับความขอบคุณจากผมไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

กัปตัน คฑาทอง กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่อยากจะฝากไปถึง นายสมัคร และรัฐบาล ของนายสมัคร ที่บอวกว่า ยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย จึงอยากจะชี้ให้เห็นว่า นายสมัคร ผิดตั้งแต่เริ่มต้น นายสมัคร ทิ้งพรรคประชากรไทยมาอยู่กับพรรคพลังชั่ว แสดงให้เห็นว่า นายสมัคร ไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ ครม.ที่นายสมัคร ตั้งขึ้นมาก็อัปลักษณ์สิ้นดี ผัวเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ให้เมียมาแทน

“นายสมศักดิ์ มาไม่ได้ ให้เมียมาแทน นายสุวัจน์ มาไม่ได้ ให้เมียมาแทน ป๋าเหนาะมาไม่ได้ ให้เมียมาแทน เนวินมาไม่ได้ ให้พ่อมาแทน ไชยยศมาไม่ได้ ให้น้องมาแทน ต่อไปนี้ถ้าผมป่วยบินไม่ได้ ผมจะให้แม่มาบินแทน เอามั้ย” กัปตัน คฑาทอง กล่าว

กัปตัน คฑาทอง กล่าวต่อว่า ครม.ชุดนี้อัปลักษณ์ที่สุด จึงไม่อาจปล่อยให้ ครม.ชุดนี้นำพาประเทศชาติอีกต่อไป และขอฝากประเทศชาติ ไว้กับพันธมิตรฯ ทุกท่านด้วย

สำหรับกัปตัน คฑาทอง เคยร่วมกับกัปตัน ถนิต พรหมสถิตย์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทดสอบสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2548 สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นแค่การสร้างภาพ ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

แหล่งข้อมูลจาก
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.อรวรรณ พงษ์พาณิช ID:5131601583 สำนักวิชานิติศาสตร์

ภัยร้ายรายวัน : สรรพากรคืนเงิน


เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่เอง ที่ยังทำให้เหล่ามิจฉาชีพใช้เป็นตัวล่อให้เหยื่อหลงกล เพียงแค่ปรับเรื่องราวให้แตกต่างไปที่จากที่เคยใช้ (หากถูกแฉให้ชาวบ้านได้ทันระวัง) หรือหยิบมุขเก่ามาเล่าใหม่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนลืม

กรณีมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรเป็นเค้ารางเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต กระทั่งปัจจุบัน...เรื่องราวที่คล้ายคลึงกันถูกมิจฉาชีพปรุงแต่งขึ้นใหม่

โดยการโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ แจ้งว่าสรรพากรจะทำการคืนเงินภาษีประจำปีให้เหยื่อราว 10,000 บาท และก่อนหน้า พวกเขา ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่สรรพากร(ตัวปลอม)ได้จัดส่งเอกสารไปยังผู้มีสิทธิ์รับ(เหยื่อ) แต่ถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีผู้รับตามที่อยู่

พวกเขากล่าวโทษความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้กระบวนการจัดส่ง พร้อมกับเสนอช่องทางในการคืนเงินที่รวดเร็วและสะดวกกว่า คือ การโอนเงิน ที่เหยื่อจะต้องให้ข้อมูลต่างๆ ทั้ง ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัญชี เลขที่บัตรเอทีเอ็ม

เหยื่อบางรายถูกหลอกให้ไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็มด้วยตนเอง โดยให้ฟังคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ฯ ด้วยเมนูภาษาอังกฤษเท่านั้น หรือบางรายถูกนำข้อมูลที่หลอกถามไปปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็ม แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เหยื่อก็ต้องสูญเสียเงินในบัญชีจนหมดเกลี้ยง

ด้านเจ้าหน้าสรรพากรแจ้งข้อเท็จจริง ประชาชนผู้เสียภาษีควรรับทราบให้กระจ่างว่า “สรรพากรจะคืนเงินให้เฉพาะผู้ที่ยื่นคำขอ และไม่มีการคืนเงินภาษีประจำปีผ่านการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร วิธีที่สรรพากรใช้คืนเงิน คือ การส่งเช็คธนาคารบรรจุซองจดหมายสีฟ้าไปทางไปรษณีย์เท่านั้น”

หลังจากรับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวไปแล้ว หากได้รับการติดต่อจากใครก็ตามที่แอบอ้างเรื่องการคืนเงิน การมอบโชค การถูกรางวัล หรือยกเหตุผลของการได้รับเงินก้อน ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ลงมือทำอะไร

จงอย่าเชื่อในทันที ควรตรวจสอบไปทางหน่วยงานที่ถูกแอบอ้าง และที่สำคัญ อย่าให้ข้อมูลใดๆ กับคนปลายสาย หรือบันทึกเสียงในระบบตอบรับอัตโนมัต

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

ทนายพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์ค้านขับไล่ ขอโอกาสไต่สวนสู้ !

ทนายพันธมิตรฯ เดินหน้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้ออกจากทำเนียบฯ พร้อมยื่นทุเลาบังคับคดี ขณะเดียวกัน ยื่นอุทธรณ์หมายจับข้อหา 9 กบฏ ระบุการยื่นคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นการแจ้งความเท็จ




นายสุวัตร อภัยภักดิ์
ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

วันนี้ (28 ส.ค.) เวลา 15.20 น. ที่ศาลแพ่ง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อขอศาลเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานละเมิด และฟ้องขับไล่ โดยศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งรื้อถอนเวทีปราศรัย และสิ่งปลูกสร้างออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยคำสั่งให้มีผลทันที

นายสุวัตร กล่าวว่า คำอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อศาลในวันนี้ ตนได้ยื่นชี้แจงต่อศาลใน 3 ประเด็น คือ

1.การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเป็นการใช้สิทธิชุมนุม โดยสงบภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 63,

2.การที่ศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) สั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยไม่ฟังคำเบิกความของพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งเป็นการไต่สวนฝ่ายเดียว

3.การที่ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 6 จัดให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้ชุมนุมอื่น เป็นบุคคลภายนอกฟ้อง จึงถือเป็นการสั่งเกินคำร้อง ซึ่งในวันนี้หากศาลอุทธรณ์รับคำฟ้อง ตนจะขอนำพยานขึ้นเบิกความไต่สวนต่อสู้


นอกจากนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า ยังได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อให้เลื่อนกำหนดเวลาบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นออกไปจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

นายสุวัตร ยังกล่าวถึงการดำเนินการขอเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ว่า ในวันนี้ตนได้มอบหมายให้เสมียนทนายไปขอคัดคำสั่งอนุมัติหมายจับของศาล เพื่อนำกลับไปตรวจสอบ และเตรียมยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ เนื่องจากเห็นว่าการตั้งข้อหาฐานกบฏ เป็นข้อหาที่ร้ายแรง เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่จะล้มล้างการปกครอง หรือรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่พยายามปกป้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น การยื่นคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกหมายจับพันธมิตรฯ จึงอาจเป็นการแจ้งความเท็จ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

“สนธิ” ประกาศกร้าว ยึดทำเนียบถึงวันอาทิตย์ มั่นใจชนะแน่!



“สนธิ” ขึ้นเวทีประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุม แฉ ตร.เอาความเท็จไปแจ้งศาลให้ออกหมายจับแกนนำ อัดกลับ “หอกหักหมัก และพวก” คือ “กบฏตัวจริง” หวังล้มล้าง รธน.แบ่งแยกราชอาณาจักร แถมยังโกหกว่าพระบรมฯ จะใช้พื้นที่ทำเนียบ 30 ส.ค.นี้ เผยเช็กกองราชเลขาฯแล้วไม่มีหมายกำหนดการใช้พื้นที่ทำเนียบ พร้อมปลุกประชาชนสู้ไม่ถอย ลั่นยึดทำเนียบถึงวันอาทิตย์นี้ เชื่อชัยชนะเป็นของประชาชนแน่


วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีอ่านจดหมายของ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่เขียนจดหมายให้กำลังแกนนำพันธมิตรฯ และผู้ชุมนนุมให้ยืนหยัดสู้ต่อไป อย่าได้เกรงกลัวรัฐบาลหุ่นเชิด

จากนั้น นายสนธิ กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมว่า เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ตำรวจได้เอาความเท็จไปขอหมายศาลอาญามาจับแกนนำพันธมิตรฯ โดยอ้างกฎหมายมาตรา 113 ว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นกบฏ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่เราชุมนุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เราออกมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วมี นปก.มาประทุษร้ายเรา อย่างนี้พวกมันต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญใช่ไหม แล้วตำรวจทำ อะไรอยู่ ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ตำรวจยังอ้างมาตรา 11 กล่าวหาว่าเราต้องการล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ หรือใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ แต่ขณะนี้ ส.ส.ยังมีการประชุมสภาอยู่ ยังแต่งตั้งตำรวจ ทหารได้ ศาลยังปฏิบัติหน้าที่ออกคำสั่งได้ตามปกติ แล้วกล่าวหาเราไปล้มล้างได้อย่างไร อีกทั้งยังกล่าวหาเราว่าล้มล้างแบ่งแยกราชอาราจักรถือเป็นกบฏ ใครกันแน่ที่ยกเขาพระวิหารให้เขมร ตำรวจต้องไปขอหมายจับนายสมัคร สมัครคือกบฏในราชอาณาจักร

“พอเป็นนักการเมือง เป็นรัฐบาล ถือว่าเป็นรัฐ ตัวเองชั่วเน่าเหม็นล้มล้างรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าแถลงการณ์ที่ทำร่วมกับเขมรขัดรัฐธรรมนูญเพราะต้องผ่านสภา ดังนั้น ถือเป็นโมฆะ มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่จริงต้องแจ้งไปเขมร แจ้งให้ยูเนสโกรู้ แต่ก็ไม่ได้ทำ พี่น้องดูสิว่าใครกันแน่ที่ล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไอ้หอกหักยังสะเออะเอาตำรวจโง่ๆ ขอหมายศาลมาจับแกนนำพันธมิตรฯ อีก”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อ คมช.ปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อหาอยู่ 4 ข้อ แต่วันนี้นายสมัครทำเกิน 6-7 ข้ออย่างหน้าด้าน ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แล้วการที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ บอกว่าขอให้เราออกจาทำเนียบเนื่องจากพระบรมฯ จะเสด็จฯ มาพื้นที่ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ไปเช็กกองราชเลขาฯ แล้ว สมเด็จพระบรมฯ จะไม่ใช้ทำเนียบวันที่ 30 ส.ค.นี้ มุกนี้มันใช้ได้เฉพาะ นปก. ใช้กับสังคมอุดมปัญญาแบบเราไม่ได้ วันนี้วันพฤหัสฯ อย่าหาว่าเราขอเพิ่มเติมเลย เราอยู่ถึงวันอาทิตย์เราชนะแน่นอน พ่อแม่พี่น้องเรียกคนมาให้เยอะตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้จนถึงวันวันอาทิตย์เราชนะแน่นอน

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังฝากถึง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ที่ฝากผู้สื่อข่าวมาบอกตนว่า ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ ที่เอาผู้หญิงและคนแก่มาเป็นกำแพงว่า ตนบังคับใครมาเป็นกำแพงหรือเปล่า เขามากันเองทั้งนั้น พ่อท่านอโศก ตนก็ไม่ได้บังคับ ท่านมากันเอง ไอ้พวกตำรวจไม่เคยเข้าใจการเมืองภาคประชาชน เพราะเป็นตำรวจหวังลาภยศ เอาใจเจ้านายสถุนๆ เมื่อสักครู่ตนฝากบอกนักข่าวให้ช่วยบอกรองโฆษก ตร.ว่าให้หาองค์ความรู้มากกว่านี้ ยังสู้พี่น้องที่ชุมนุมในที่นี่ไม่ได้เลย เป็นนายพลมาได้อย่างไร นี่คือคุณภาพข้าราชการตำรวจชั้นสูงของไทย

แหล่งข่าวโดย ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.อารยา สุทธิอาจ ID:5131601588 สำนักวิชานิติศาสตร์

พันธมิตรฯ บุก บช.น.ได้แล้ว-ร้องปล่อย 80 คนที่ถูกจับกุม

ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนมาก มาปักหลักปิดล้อมบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำให้ถนนศรีอยุธยาซึ่งเป็นถนนด้านหน้าถูกปิดไปโดยปริยาย ซึ่งการมาของพันธมิตรฯ ในวันนี้คือมาขับไล่ทีมข่าวที่มารายงานสดของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่ใช้พื้นที่ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่รายงานสด
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้มีการปล่อย 80 พันธมิตรฯ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งขณะนี้ก็มีการรอคำตอบ แล้วเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อมีความพยายามของพันธมิตรฯ ที่จะพังประตูเข้ามา ได้มีการขว้างปาสิ่งของสิ่งกีดขวางเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอสมควร
ขณะที่ตำรวจที่อยู่ภายในมีประมาณ 2 กองร้อย ซึ่งคาดว่าน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ขณะนี้สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤต หลังพันธมิตรฯ พังประตูรั้วเข้ามาภายในแล้วในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่า ขอความชัดเจนเกี่ยวกับการปล่อยตัว 80 พันธมิตรฯ ซึ่งถ้าหากไม่ได้คำตอบจะเข้ามาภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่
ซึ่ง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ลงมาเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยตนเอง โดยมีการนำกำลัง 2-3 กองร้อย มีการเรียกกำลังเสริมเข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งขระนี้ยังไม่เหตุการณ์อันตรายอะไรเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผลของการเจรจาจะเป็นอย่างไร
ส่วนพันธมิตรฯ ทั้ง 80 คนเบื้องต้นถูกควบคุมไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยคาดว่าหากมีการเปิดเผยจะมีการอันตรายเกิดขึ้นกับ 80 คน ซึ่งทางเบื้องต้นตำรวจยืนยันว่า ทั้ง 80 คนเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแน่นอน เนื่องจากมีพยานหลักฐาน

แหล่งข่าวโดย ผู้จัดการ ออนไลน์
เขียนโดย น.ส.อารยา สุทธิอาจ ID:5131601588 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ศาลแพ่ง สั่งกลุ่มพันธมิตรพ้นทำเนียบ ให้มีผลทันที



ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 22.00น. วันนี้ (27 ส.ค.) องค์คณะผู้พิพากษาศาลแพ่ง ออกนั่งบังลังค์ และมีคำสั่ง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 6 คน ในฐานะจำเลยกับพวก
พากลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งให้รื้อถอนเวทีปราศรัย และให้ขนย้ายสิ่งกีดขวางที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ออกจากพื้นที่ เปิดพื้นที่ถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนิน คำสั่งดังกล่าว ให้มีผลทันที

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายเมธี ใจสมุทร ทนายความ รับมอบหมายจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดย นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย เรื่องละเมิด ขับไล่ กรณี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ร่วมชุมนุม เข้าบุกยึดทำเนียบรัฐบาล สถานที่ราชการ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมาโจทก์

ขอคำร้องให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และขอให้สั่งจำเลยทั้งหก กับพวกออกจากทำเนียบรัฐบาล รื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งย้ายสิ่งกีดขวางอื่นๆ ทั้งหมดในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้ง เปิดพื้นที่จราจร ถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน ทุกช่องจราจรเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสัญจร เพื่อให้โจทก์ คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่บริหารราชแผ่นในทำเนียบรัฐบาลได้

จากนั้น องค์คณะผู้พิพากษาศาลแพ่งไต่สวนฉุกเฉิน พยานฝ่ายสำนักนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้น เมื่อเวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา รวม 3 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และผู้อำนวยการสำนักงานสถานที่ และรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ต่อมาศาลมีคำสั่งให้คู่ความรอฟังคำสั่งว่า จะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ฟ้องขับไล่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกจากทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ กระทั่งมีคำวินิจฉัยดังกล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ ออนไลน์

เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

ธรรมะเตือนใจ

    • * เลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อตอนเป็น ดีกว่ามาเซ่นเมื่อตอนตาย
    • * รักเที่ยงแท้ แน่นัก คือ " รักของแม่ "
    • * ่คิดไม่สำเร็จ พูดไม่สำเร็จ ทำจึงสำเร็จ
    • * ชนะตนนั่นแหละดี เพราะว่ามีกุศล ชนะได้ทุกหน จะส่งผลให้ตนนั่นแหละดี
    • * บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องอภัย
    • * อยากดี อยากรวย อยากสวย อยากสุข ให้เกิดทุกข์ร่ำไป
    • * คนรู้ธรรมะ มักจะชนะคนอื่น คนมีธรรมะ มักจะชนะตนเอง
    • * ตัวอย่างที่ดี ดีกว่าคำสอน ปฏิบัติที่ดี ดีกว่าขอพร
    • * การเกิด คือ การเริ่มตาย
    • * มองคนอื่น ค้นหาความดี มองตัวเรานี้ หาข้อบกพร่อง
    • * ใจจริงเข้าถึงพุทธ ใจบริสุทธิ์เข้าถึงธรรม ใจปฏิบัติตามเข้าถึงสงฆ์ ใจไม่หลงเข้าถึนิพพาน
    • * เมื่อสติไม่ติดตัว ความรู้ท่วมหัวก็เอาตัวไม่รอด
    • * คนเราต้องพึ่งพาอาศัยกันก็จริงอยู่ แต่คนที่เราพึ่งพาอาศัยได้มากที่สุดก็คือตัวเราเอง
    • * อยากสงบสุขเหมือนพระพุทธองค์ ก็ต้องจากอนงค์ให้ได้
    • * ฟังด้วยหู ดูด้วยตา แต่อย่าลืมใช้ปัญยามาพินิจ
    • * งาน คือ ชีวิตของมนุษย์
    • * เข้าวัดเพื่อขจัดกิเลส อย่ามาเป็นเปรตในวัด

แหล่งข้อมูล หนังสือแกว่งแขนบำบัดโรค ณ วัดห้วยพลู จ.เชียงราย
ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.oknation.net

เขียนโดย น.ส.พิมลกร แปงฟู ID:5131601432 สำนักวิชานิติศาสตร์

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ให้ปชช.ไว้ทุกข์14-16พ.ย.พระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นางฯ


ครม.ให้ความเห็นชอบตามที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ขอความร่วมมืองดหรือลดความบันเทิง ลดธงครึ่งเสา

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม

ครม.ให้ความเห็นชอบตามที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอให้ไว้ทุกข์ในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็น พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา โดยขอให้ประชาชนไว้ทุกข์ทั่วกันเป็นเวลา 3 วัน และขอความร่วมมือจากสถานบริการต่างๆให้งดหรือลดการแสดงเพื่อความบันเทิง ขอความร่วมมือให้สถานีวิทยุ และสถานีโทรทัศน์ควบคุมรายการที่ออกอากาศ และขอให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา

แหล่งข้อมูล โดย ข่าวสด

ตี3 ตร.หลายพันบุกเข้าทำเนียบ!! ลุยใช้ตะบองปะทะพันธมิตร การ์ดได้เลือดนับสิบ

ผบก.น.1 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน นำกำลัง ตร.ปราบปรามจราจรกว่า 1 พันนาย เร่งทยอยเข้าทำเนียบรัฐบาลพร้อมเตรียมแก๊สน้ำตาไว้สลายการชุมนุม



เวลา 03.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลพร้อกำลังตำรวจตระเวณชายแดนกว่า 1,000 นายได้พังประตูด้านถนนพิษณุโลก ตรงข้าม ปปช.เข้าไปภายในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปแล้วได้มีการเรียบกแถวดานในทำเนียบรัฐบาล ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแนวรั้วเหล็กกั้นทางที่จะเดินเข้าสู่ทำเนียบฯโดยมีการใช้กระบอง เคาะโล่ เป็นการข่มขวัญ ส่วนหนึ่งทำให้กลุ่มผุ้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิงวิ่งหนี ตำรวจบางรายนำแก๊สน้ำตาเข้ามาด้วย ส่วนใหญ่ เป็น ตชด.

เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่คุมกำลังเข้ามาได้ทำความเข้าใจกับกลุ่มตัวแทนผู้ชุมนุมว่าการเคลื่อนกำลังเข้ามาครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาเข้ามาสลายการชุมนุม และรับรองว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมวันนี้แน่นอน และขอร้องตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมไปทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมบริเวณสนามหญ้าด้วย

ส่วนบนเวทีปราศรัย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้บอกให้มีการปิดประตูทางเข้า เพื่อไม่ให้คนเข้า และคนออกนอกทำเนียบรัฐบาล และกลับขึ้นมาบนเวทีว่า กลุ่มที่มัฆวานฯสามารถเดินทางมาเสริมได้ เพราะอยู่ใกล้นิดเดียว ตอนนี้ เรามีปัญหาการขับถ่าย เพราะรถ กทม.มาไม่ทัน

พล.ต.จำลองยังกล่าวด้วยว่า ให้ตำรวจระวังไว้ เพราะถ้าใช้อาวุธเมื่อไร คุณตายทันที และยังมีโฆษกบนเวทีกล่าวว่า ตอนนี้มีชาวโลกดูเราอยู่ ไม่ต้องกลัว ทำใจให้สบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)ได้เข้าเจรจากับผู้ชุมนุมว่า การเข้ามานี้ไม่ได้มีเจตนามาสลายการชุมนุม แต่เข้ามาเพื่อขอเจรจา เนื่องจากมีตำรวจที่อยู่ในทำเนียบฯต้องประจำการนานเกินกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว จึงขอเข้าไปดูแลตำรวจ และดูแลพื้นที่ ทั้งนี้ยืนยันจะไม่มีการจับกุมแกนนำแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน พล.ต..ต.สุชาติได้เจรจากับนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรฯโดยขอสับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า และขอเอากำลังไปอยู่ที่ตึกสันติไมตรี แต่กลุ่มพันธมิตรฯตั้งแนวรั้วอยู่ก่อนถึงทางเข้าตึกสันติไมตรีประมาณ 10เมตร ตำรวจชี้เแจงว่า ที่เอากำลังเข้าไป เพื่อเตรียมสับเปลี่ยน แต่ทางพันธมิตรฯไม่สามารถยอมรับข้อตกลงดังกล่าวได้

พล.ต.ต.สุชาติได้ยื่นโทรศัพท์ ให้นายสุริยะใสเจรจากับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำวจนครบาล(ผบช.น.)จากนั้นนายสุริยะใสได้ขอตัวไปหารือกับ พล.ต.จำลองซึ่งทางตำรวจก็ยืนยันจะต้องเข้าไปในตึกสันติไมตรี ถ้าเจรจาไม่รู้เรื่องก็จะใช้กำลังเข้าไป ตอนนี้มีกำลังตำรวจอยู่ประมาณ 5 กองร้อย

ส่วนบรรยากาศบนเวทีปราศรัย ระหว่างที่ตำรวจกำลังเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯได้มีการเล่นดนตรี เพื่อปลุกปลอบจิตใจผู้มาชุมนุม โดยมี พล.ต.จำลอง คอยขึ้นเวที บอกความเคลื่อนไหวของตำรวจเป็นระยะ พร้อมทั้งขอให้ผู้ชุมนุมิอยู่ในความสงบ

ความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย ได้เคลื่อนพลไปยังบริเวณทำเนียบรัฐบาลได้กระจายกำลังบุกเข้าไปที่ประตู 4 ในทำเนียบรัฐบาล จนเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคาะโล้พร้อมกัน เพื่อเป็นการข่มขวัญกลุ่มผู้ชุมนุม และกันผู้ชุมนุมให้ถอยออกไปจากหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังไปอยู่ที่บริเวณแยกมิกสกวัน เพื่อกันไม้ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลได้

ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมด 6 ราย มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะ ผู้ได้รับความบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

แหล่งข่าวโดย INN NEWs

พันธมิตร บุก NBT - ทำเนียบ




เมื่อเวลา 05.45 น. วันนี้ (26 สิงหาคม) นายสนธิ ลิ้มทองกุล อ่านประกาศพันธมิตรฯ ฉบับที่ 12/2551 เรื่อง กำหนดเป้าหมายและวิธีชุมชุนนุมสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย ว่า เป้าหมายหลักของพันธมิตรฯ คือ การขับไล่รัฐบาลเพื่อกอบกู้ประเทศชาติ และพันธมิตรฯ ได้กำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของกองทัพประชาชน ดังนี้

1. กองทัพประชาชนจะชุมนุมกันอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิตาม มาตรา 63 ของรัฐธรรรมนูญ และให้พี่น้องประชาชนชุมนุมยึดสันติ ไม่ใช้วาจายั่วยุ ไม่ทำลายสถานที่ราชการ
2. หลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า การชุมนุมอย่างสงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรง หากใครก็ตามก่อเหตุยั่วยุก่อกวน สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ให้ถือว่าเป็นผู้ไม่หวังดี เป็นอันธพาลของรัฐบาล ขอเรียกร้องให้ตำรวจจัดการทันที และถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล
3. ประชาชนจำนวนมากใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 มีความจำเป็นต้องปิดช่องจราจร ให้ราชการบางแห่งไม่สามารถเข้าทำงาน เป็นการแสดงพลังประชาชน พร้อมกันนี้ก็ขอเชิญชวนข้าราชการร่วมชุมนุม และเพื่อความสำเร็จขอให้กองทัพประชาชนปฏิบัติตามคำสั่งของเวทีใหญ่อย่างเคร่งครัด




รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมหน้าสถานีโทรทัศน์ NBT กว่า 3,000 คน ได้พังรั้วกั้นทางเข้า-ออกสถานีโทรทัศน์ NBT ได้แล้ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างวิ่งกรูเข้าไปภายในสถานี และพยายามบุกเข้าไปภายในอาคาร และห้องส่ง ส่งผลให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เป็นจอสีดำ และไม่มีการออกอากาศแล้วในขณะนี้ ขณะที่ พนักงานภายในสถานีต่างวิ่งหลบหนีกระจัดกระจาย ออกตามประตูต่างๆ เพื่อหนีกลุ่มพันธมิตร เกรงจะไม่ปลอดภัย

จากรายงานเบื้องต้นพบว่า ผู้ชุมนุมไม่มีการพกพาอาวุธ เข้าไปภายใน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์
เมื่อเวลา 10.12 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้ดำเนินรายการ NBT กล่าวจากสถานที่เฉพาะกิจ ซึ่งปิดเป็นความลับในการส่งสัญญาณออกอากาศ ว่า ขณะนี้สัญญาณที่กองบัญชาตำรวจนครบาลได้ถูกตัดแล้ว เนื่องจากถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปบุกเข้าไปแล้ว โดยขณะนี้ผู้สื่อข่าวเอ็นบีที 2 คนที่ทำข่าวอยู่ไม่สามารถรายงานข่าวได้ และรถโอบีถูกล้อมเอาไว้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รักษาความปลอดภัยนักข่าวทั้ง 2 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆ 9 คน โดยขณะนี้ปลอดภัย

แหล่งข้อมูล โดย www.kapook.com




วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เรียบง่าย แต่ กินใจ



หน้านอก บอก ความงาม

หน้าใน บอก ความดี

หน้าที่ บอก ความสามารถ

หน้านอก ... แต่งให้พอดี

หน้าในและหน้าที่ ... แต่งให้มาก ๆ



กันชรีน เลิศกิตติสุข ID 5131601238 สำนักวิชา นิติศาสตร์

ปรับเวลาใหม่ ให้ตรงกันทั่วประเทศ

ไทยปรับเวลาใหม่ ให้ตรงกันทั่วปท. บังคับใช้เริ่ม23สค. [6 ส.ค. 51 - 04:09]

จาก ความเหลื่อมล้ำทางเวลาของไทย จนทำให้ไม่ เป็นมาตรฐาน สถาบันมาตรวิทยา กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จึงดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของไทยใหม่ทั่วประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผอ. สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ จะดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศ ไทยใหม่ทั่วประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล เพราะที่ผ่านมามาตรฐานเวลาของไทยไม่เคยตรงกันซึ่งจะเป็นไปตามประกาศกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ซึ่งจะมีพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิด โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้

โดยกำหนดให้ผู้ประกอบ 4 ประเภท ดังนี้ 1. ผู้ ประกอบกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายภาพและเสียง อาทิ ผู้ให้บริการโทรศัพท์ขั้นพื้นฐาน โทรศัพท์ เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการเอทีเอ็ม เป็นต้น 2. ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อาทิ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต เจ้าของหอพัก โรงแรม หน่วยราชการ บริษัทต่างๆ เป็นต้น 3. ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และ 4. ผู้ให้บริการร้านอินเตอร์เน็ตต่างๆ ผู้ให้บริการทั้งหมด ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามตามกฎหมายของกระทรวงไอซีที จะต้องมีโทษปรับประมาณ 1-5 แสนบาท

พล.อ.ต.ดร.เพียรกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องการตั้งเวลาให้เป็นมาตรฐาน ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ ได้ประสานกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อตั้งเวลามาตรฐานสำหรับประเทศไทยแล้ว และกำลังประสานกับกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเทียบเวลาผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม เพื่อให้ประชาชนเทียบเวลาทางวิทยุเอฟเอ็มได้ แต่ต้องมีตัวสัญญาณรับที่เรียกว่า ไทม์ เซิร์ฟเวอร์ ติดที่นาฬิกาที่ต้องการจะเชื่อมกับสัญญาณเอฟเอ็มด้วย ในส่วนนี้ทางสถาบันมาตรวิทยาฯ จะประสานกับบริษัทที่ผลิตนาฬิกา เพื่อผลิตนาฬิกาพิเศษที่ตรงเวลา และมีความแม่นยำมากที่สุด

“การปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะทุกคนต้องการความแม่นยำ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูล เรื่องของความมั่นคง เรื่องของสุขภาพ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พวกสัญญาณดาวเทียม และที่สำคัญงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยแกะรอยของอาชญากรรม และสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดได้ โดยมีเวลาเป็นเครื่องยืนยันการกระทำ เห็นได้ชัดจากกรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หลักฐานสำคัญก็มาจากเรื่องของเวลา” ผู้อำนวยการ มว. กล่าวและว่า ที่ผ่านมาเวลาของประเทศไทยไม่มีมาตรฐานแน่นอน และไม่ตรงกัน เห็นได้ชัดเจนที่สุดช่วง 08.00 น. และ 18.00 น. ที่เป็นช่วงเคารพธงชาติ แต่ละจังหวัดเวลาเคารพธงชาติจะไม่เท่ากันเลย แม้กระทั่งฟรีทีวีในบ้านเมืองก็ยังมีเวลาไม่ตรงกัน

กันชรีน เลิศกิตติสุข ID 5131601238 Sec 2 สำนักวิชา นิติศาสตร์

สตอร์ม เซิร์จ


ข้อเท็จจริงของการเกิด สตอร์ม เซิร์จ ในอ่าวไทยตอนบน





นักวิชาการเตือนชุมพร-ประจวบคีรีขันธ์ เสี่ยงพายุหมุน ตั้งแต่ อ.บางสะพาน ไปจนถึงเมืองสุราษฎร์ธานี ช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม พร้อมกับรับประกันกรุงเทพมหานคร - เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ มีโอกาสเกิดน้อยมาก ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาก็ออกประกาศฉบับพิเศษ เรื่อง ข้อเท็จจริงของการเกิดสตอร์ม เซิร์จ (Storm Surge) ในอ่าวไทยตอนบน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการเกิดคลื่นพายุหมุน หรือ สตอร์ม เซิร์จ ( Storm Surge) ขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรปราการ จนอาจเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ว่า มีความเป็นไปได้น้อยมาก โดยการออกมาเตือนให้เฝ้าระวังปรากฏการณ์ เป็นการคาดการณ์ตามช่วงเวลาที่มักเกิดพายุ ประกอบกับเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงพัดผ่าน และมีฝนตกมากจึงทำให้มีการพูดถึงมากในสังคม







ทั้งนี้หากดูจากสถิติพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งไทยและมาเลเซีย ของกรมอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่ ปี 2494 - 2550 พบว่าในรอบ 60 ปี มีพายุหมุนที่ขึ้นฝั่งรวม 69 ลูก แบ่งเป็นเกิดพายุที่มีความเร็วลมในระดับพายุโซนร้อน ระดับความเร็ว 60-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวม 12 ครั้ง และเกิดขึ้นหลังช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป และส่วนใหญ่มาจากทางทะเลจีนใต้ จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดพายุพัดแล้วเลี้ยวเข้าทางจังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย เช่น จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 44 ลูก เป็นดีเปรสชั่นความเร็วลม 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง "ที่ผ่านมาการเกิดคลื่นพายุหมุนในประเทศไทย ทั้งพายุแฮร์เลียส ที่แหลมตะลุมพุก ปี 2505 พายุเกย์ปี 2536 และล่าสุด คือ พายุลินดา เมื่อปี 2540 มีจุดบ่งชี้ตรงกันว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลันเหมือนกรณีสึนามิ แต่จะมีการสะสมระดับน้ำทะเลหนุนหลายวัน ซึ่งเชื่อว่าด้วยวิทยาการของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอุทกศาสตร์เองก็สามารถคาดการณ์ว่า พายุจะพัดขึ้นฝั่งบริเวณใดได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า 48 ชั่วโมง ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนกเกินเหตุ " ดร.อานนท์ กล่าว นอกจากนี้ ดร.อานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุนได้ จากลักษณะกายภาพที่เป็นอ่าวปิดน้ำลึกเข้ามาในแผ่นดินระยะทางยาว โดยเฉพาะที่ อ. บางสะพาน และลักษณะที่ราบชายฝั่งที่แบนราบ ซึ่งเสี่ยงน้ำท่วม ประกอบกับน้ำจืดที่หนุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดในรอบปีช่วงดือนธันวาคม ประมาณ 1 เมตร ซึ่งควรมีการเตรียมรับมือทั้งการอพยพซึ่งเป็นแผนระยะสั้น และการวิเคราะห์ความเสี่ยงและความเปราะบางด้านเศรษฐกิจ เพื่อรับมือในระยะยาว


ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยาก็ออกประกาศฉบับพิเศษ เรื่อง ข้อเท็จจริงของการเกิดสตอร์ม เซิร์จ (Storm Surge) ในอ่าวไทยตอนบน ตามที่ได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเกิด "สตอร์ม เซิร์จ" (Storm Surge) โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลรอบอ่าวไทย โดยความรุนแรงเท่ากับพายุไซโคลนนาร์กีส ก่อให้เกิดความแตกตื่นของประชาชนโดยทั่วไปนั้น กรมอุตุนิยมวิทยาในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
1. จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติในรอบ 57 ปี ที่ผ่านมา พบว่ามีพายุเคลื่อนตัวเข้ามาในอ่าวไทยตอนบน ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ความแรงลมของพายุมักน้อยกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2. การเคลื่อนตัวของพายุในอ่าวเบงกอล ที่เข้าประเทศพม่า เกิดจากลมที่มีความชื้นมาก ทําให้พายุมีกําลังแรงขึ้นก่อนขึ้นฝั่ง แต่พายุที่เคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทย เกิดจากลมที่มีความชื้นน้อย ซึ่งจะทําให้พายุอ่อนกําลังลง และมีแรงลมน้อยกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3. สตอร์ม เซิร์จ ที่เป็นอันตราย ส่วนมากเกิดจากพายุที่มีแรงลมมากกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
4. ลักษณะภูมิประเทศของพม่าเป็นแบบเปิดรับลมแรงจากพายุพัดเข้าฝั่ง ส่วนอ่าวไทยตอนบนเป็นแบบแคบและปิด รวมทั้งลมแรงที่พัดเข้าหาพายุ เป็นลมที่พัดออกจากฝั่ง มิได้พัดเข้าบริเวณก้นอ่าวไทย
5. พื้นที่ชายฝั่งทะเลรอบอ่าวไทยตอนบนเคยเกิด สตอร์ม เซิร์จ เมื่อครั้งพายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่ขึ้นฝั่งจังหวัดชุมพร ในปี 2532 และพายุไต้ฝุ่นลินดา ที่ขึ้นฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี 2540 แต่ไม่รุนแรง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยายืนยันว่า ถ้าจะมีพายุเคลื่อนตัวเข้ามาอีก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงมาก จะใกล้เคียงกับที่เคยเกิดจากอิทธิพลของพายุเกย์และพายุลินดา
6. จากการติดตามการก่อตัวของพายุ กรมอุตุนิยมวิทยา ยังไม่พบปัจจัยในการก่อตัวของพายุที่จะเคลื่อนตัวเข้าอ่าวไทยในระยะนี้ หากพบการก่อตัวของพายุและมีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยา สามารถแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมป้องกันได้ไม่น้อยกว่า 5 วัน
กันชรีน เลิศกิตติสุข ID 5131601238 Sec 2 สำนักวิชา นิติศาสตร์

ชีีวิตยังมีทิศตะวันออก



บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์...ให้เสียใจ และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ

ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน "ไม่ใช่ความจริง" ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว

รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ

ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด เพราะ "เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น" เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้...ไปไม่เป็น...เหมือนจะมองเห็นทาง แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น



ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต..."ยังคงมีชีวิต" แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโต งอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง

เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย

จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวันก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก

"ชีวิตเราจึงมีทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก"

แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ ก็จงเศร้าให้ถึงที่สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ หากยังร้องไห้ ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดีต เป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ...

"ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร แต่ข้อดีของมันคือ...สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก"

ครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิต เพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน

ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้า จะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า…เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น

แหล่งข้อมูล www.kapook.com

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นิสิตพร้อมยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ หนุนออกกฏหมายนิรโทษกรรม 111

นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน ในฐานะผู้รวบรวมรายชื่อส.ส.เพื่อเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า พวกตนขอใช้เวลาศึกษาผลที่คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ที่มีนายกระมล ทองธรรมชาติ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ส่งมาสักระยะ เพื่อสรุปประเด็นที่จะแก้ไข และที่สำคัญต้องรอความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะได้ตกผลึกทางความคิดแล้ว ส่วนรายชื่อส.ส.ที่ร่วมเสนอญัตตินั้น ขณะนี้ได้รายชื่อครบแล้วโดยพรรคร่วมรัฐบาลจะส่งรายชื่อมาสมทบด้วย ทั้งนี้ หากวุฒิสภาเห็นด้วยพวกตนก็ไม่ปิดกั้นสามารถร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย เสนอให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายนิสิต กล่าวว่า ตนทราบว่าเจตนาคือต้องการให้เป็นกฎหมายที่สร้างความปรองดอง ซึ่งทุกฝ่ายต้องได้รับการเยียวยาจากรัฐประหาร ดังนั้นโดยหลักการแล้วตนเห็นด้วย แต่ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังไม่ได้ริเริ่ม สำหรับขั้นตอนต้องออกเป็นพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เหมือนกับที่คณะรัฐประหารภายใต้การนำของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช.ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ซึ่งคณะรัฐประหารทุกคณะก็ทำ หรือแม้แต่กบฎสภาก็เคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้

แหล่งข้อมูล www.sanook.com

วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Politic by civil Means

Part III Politic by civil Means
แน่นอนว่ามี 1 ล้านคนของชาวอเมริกาและสมาชิกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากหน่วยงานของสาธารณชนที่มีส่วนร่วมทำหน้าที่บางประการทางการเมือง แต่เพราะอำนาจนั้นถูกกระจายออกไปและมีโอกาสมากขึ้นที่จะใช้อำนาจกดดันทางการเมือง ต่อองค์กรท้องถิ่น รัฐ และระดับชาติ สังคมโต้แย้งว่าเป็นความสนใจโดยส่วนรวม ได้ให้คำจำกัดความว่า เป็นการรวมตัวของความสนใจส่วนตัว เป็นการให้บริการขั้นพื้นฐานที่ดีกว่า ภายใต้ขอบเขตของประชาธิปไตยมากกว่าระบบอื่น
นักพหุนิยมไม่ปฏิเสธว่าใครจะเป็นผู้ควบคุมตำแหน่งสูงสุดในการปกครองและธุรกิจมีแนวโน้มจะมีความหลากหลายทางพื้นฐานและลักษณะ ปราศจากข้อสงสัย ผู้ชายมากมายที่ร่ำรวยมาจาก WASP (White Anglo – Saxon Protestant) เป็นครอบครัวที่เคยได้รับการศึกษาเล่าเรียน แต่ในสายตาของนักพหุนิยมนั้นเป็นเพียงข้อเท็จจริง ว่า เป็นความมั่งคั่ง ตำแหน่งทางสังคม และการศึกษาที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกันกับการมีส่วนร่วมและไม่พิสูจน์ว่า การเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นการเสแสร้งหลอกลวง
มีความเป็นจริงมากกว่าในทฤษฎีของความเป็นผู้นำของคนชั้นสูง ( elitist theory ) ว่าเป็นการรวมความมั่งคั่งในสหรัฐอเมริกาด้วยการเป็น “ ตลาดทางเศรษฐกิจ ’’ ( market economy ) และระบบธุรกิจภาษีฉันเพื่อน อย่างไรก็ตาม นโยบายของรัฐบาลต้อบงมีผลกระทบทุกครั้ง โดยความคิดเห็นของประชาชน การเติบโตทางเศรษฐกิจได้แผ่ไปอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ความคิดเห็นที่เป็นที่นิยมในการต่อต้านสงครามเวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันอเมริกาให้ถอดถอนกำลังออกจาการเป็นปฏิปักษ์ ความคิดเห็นของประชาชนในอเมริกาอาจจะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ไม่มีผลอะไร แม้แต่การเลือกตั้งก็ยังเต็มไปด้วยความนัยที่แอบแฝงอยู่


Participation and Political Parties
สังคมในยุคปัจจุบัน โดยปกติแล้วเสียงของแต่ละบุคคลจะอ่อนแอมากที่จะได้ยินในเวทีของสาธารณชน เป็นการวิจารณ์โดยสังคม เสียงของพลเมืองต้องเป็นเสียงที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมความสนใจและความคิดเห็นของแต่ละบุคคล พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ เป็น 2 กลุ่มของโครงสร้างที่มีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันทำตามหน้าที่ ด้วยความมีประโยชน์และความมีประสิทธิภาพจากโครงสร้างที่เนหน่วยย่อยของสังคมที่ต้องพึ่งพากันบนขอบเขตของระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย
จุดประสงค์ของพรรครัฐบาล คือการเลือกเฟ้น ( Select) เสนอชื่อ ( Nominate) และสนับสนุนผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อไปดำรงตำแหน่งในทางการเมือง ให้เกิดความเสถียรภาพตามแนวคิดตามแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย รวมไปถึงสหรัฐ พรรคการเมืองนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความล้มเหลว และปรากฏให้เห็นของพรรค 2 ระบบในสหรัฐ

Historical Background
รัฐธรรมนูญไม่ได้กล่าวถึงพรรครัฐบาลและการล้มเหลวมากมายที่พวกเขาเกลียดชัง จอร์จ วอชิงตัน พยายามที่จะหลีกเลี่ยง การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถที่สุดมาร่วมมือกัน โทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็นเลขานุการของรัฐ และอเล็กซานเดอร์ ฮามินสัน เป็นเลขานุการของกรมคลัง การแต่งตั้งทั้ง 2 นี้ ถือว่าเป็นของขวัญ แต่ถ้าพูดตามหลักปรัชญานั้นขัดแย้งกัน สะท้อนความคิดของวอชิงตันว่า สาธารณชนจะทำหน้าที่ดีที่สุดโดยการเรียก ความฉลาดของชาติและความกล้าหาญของสาธารณชนพลเมืองมาทำงานด้วยกันเพื่อเป็นสังคมที่ดี



ด้วยความโชคร้าย ความพยายามอันสูงส่งของวอชิงตันที่จะหลีกเลี่ยงผู้สนับสนุนข้อบกพร่องพื้นฐานทางการเมือง ความเป็นศัตรูส่วนบุคคลได้ถูกพัฒนาระหว่างเจฟเฟอร์สันและฮามินตันในบทบาทที่ใหญ่ขึ้น เป็นผลมาจากความเข้าใจขัดแย้งกันจากการปกครองและนโยบายเพื่อสาธารณชนและทั้ง 2 อย่างกลายมาเป็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ในปลายปี 1790 เจฟเฟอร์สัน และสาวกได้ตั้งองค์กรอิสระ พรรคที่สนับสนุนรูปแบบการปกครองแบบสาธารณรัฐเพื่อต่อต้านความแข็งแรงของนโยบายต่อต้านฝรั่งเศสของชาวสหรัฐ เช่น จอห์น อดัมส์ และอเล็กซานเดอร์ ฮามินสัน นอกจากนี้ ในปี 1789 เจฟเฟอร์สันได้เขียนไว้ว่า “ถ้าฉันไม่ได้ไปสวรรค์แต่ได้อยู่กับพรรค ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ทำไมรัฐบุรุษมากมายในสมัยเจฟเฟอร์สันให้ความวางไว้พรรครัฐบาล? ในกรณีของเจฟเฟอร์สัน การต่อต้านพรรคถูกยับยั้งโดยเฉพาะกลุ่มชาวอเมริกาจากทฤษฎีที่เชื่อในการกระทำที่มีสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคลว่าต้องดำรงอยู่ถึงวันนี้ “ฉันไม่เคยยอมให้ระบบทั้งหมดจากความคิดเห็นของฉันมาเป็นข้อปฏิบัติของพรรคอื่นๆหรือของใครก็ตาม ทั้งศาสนา หลักปรัชญา รัฐศาสตร์ หรือในอะไรก็ตาม ที่ใดก็ตามฉันขอใช้ความคิดเป็นของตัวเอง” เขาออกความคิดเห็น สรุปว่า “เช่นการติดยาเสพติดเป็นการลดคุณค่าจากอิสรภาพและศีลธรรม” ชาวอเมริกันคนอื่นในสมัยของเจฟเฟอร์สัน เหมือนบางอย่างของคนอังกฤษที่มีความคล้ายคลึงกัน เชื่อว่าพรรครัฐบาลจะสนับสนุนให้จำกัดความต้องการส่วนตัว ในค่าธรรมเนียมทั่วๆไปหรือความต้องการส่วนตัว ในความรู้สึกนี้ พรรคการเมืองจะถูกมองว่าเป็นการขยายเขตแดนของสาธารณะจากความเห็นแก่
นี้แค่ค่อยเกิดขึ้นเท่านั้นกับการถือพรรคถือพวกที่สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงในอังกฤษ ความคิดที่ว่าการแสดงออกที่แตกต่างกันในหลักปรัชญาทางการเมืองนั้นสามารถให้ผลประโยชน์ได้ (ยกตัวอย่างเช่น การจัดหาทางเลือกของนโยบายของรัฐบาล) ได้ถูกนำมาใช้ในปลายศตวรรษที่ 17 ประสบการณ์การเป็นผู้นำของรัฐบุรุษอเมริกาในศตวรรษต่อมาก็ถูกนำไปใช้ในทางที่คล้ายๆกันแม้ไม่เต็มใจยอมรับความจำเป็นของรัฐบาลในขั้นตอนของประชาธิปไตย

General Alms
พรรคการเมืองเป็นแบบอย่างของความพากเพียรที่จะเข้าครอบครองหรือรักษาไว้ซึ้งอำนาจทางการเมืองในวาระที่ได้ปฏิบัติ ความหมายรี้เป็นอำนาจในการควบคุมของการปกครองตั้งแต่สิทธิในหลักของกฎหมายระบอบประชาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยการเลือกตั้งพรรคการเมือง ในการรวบรวมรัฐให้เป็นประชาธิปไตยจากการชนะการเลือกตั้ง พวกเขาค้นหาเพื่อสร้างฐานที่กว้างขวางเพื่อการปราศรัยในพรรคของเขา นี้เป็นความตั้งใจให้เป็นทางเลือกที่จะเรียกร้องให้กับพรรคเขาและพรรคอื่นๆ
รูปแบบ การประสบความสำเร็จของพรรคการเมืองเป็นค่านิยม ข้อตกลงระดับชาติ นับไม่ถ้วนจากเศรษฐกิจ สังคม ชาติพันธ์ และความต้องการของวัฒนธรรม พรรคต้องเรียกร้องให้ผู้โหวตเกิดความสนใจที่หลากหลายทั้งการไกล่เกลี่ยและการปลอมแปลงให้พวกเขาได้เข้าไปทำงานในสาขาหลักๆได้ ถึงแม้ว่าพรรคจะมีความหวังได้รับเสียงส่วนใหญ่จากกลุ่มสาวก แต่มันเป็นอิทธิพลและอำนาจในการออกกฎหมาย ปกติจะใช้จำนวนประชากรและการแบ่งออกเป็นส่วนๆจากคะแนนทั้งหมดมันสะท้อนให้เห็นว่า กระบวนการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งผ่านญาติมิตรได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง
การร้องเรียนผู้สมัครรับเลือกตั้งบ่อยๆดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อการลงคะแนน เพื่อเป็นการโต้ตอบและมีพลังกว่ามีผู้ต่อต้านเขาในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งทุกวัน

ความหมายของการเมืองโดยกฎหมาย
ความผัวพัน ซึ่งเรียกว่า การออกคำสั่ง ในบางครั้ง เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต อย่างไงก็ตาม ผู้สมัครการรับเลือกตั้ง และ แนวความคิดของพรรคการเมือง หรือ ความขัดแย้งภายในประเทศ และ การนำเข้านโยบายต่างประเทศ เช่น พรรคการเมืองที่เป็นสังคมนิยม และ พรรคการเมืองที่เป็นชาตินิยม พรรคการเมืองได้นำแผนการนี้มาประยุกต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ และ ในทวีปยุโรป ซึ่งมีรัฐสภา และกึ่งรัฐสภา แบบประชาธิปไตย อำนาจของพรรคที่ลงแข่งขันเลือกตั้งเป็นประจำ และแต่ละกลุ่มสามารถแสดงศักยภาพให้คนในประเทศได้รับรู้ และอีกทางหนึ่งคือนโยบายระหว่างประเทศ พรรคการเมืองจะใช้เวทีสำหรับกล่าวคำปราศรัยเพื่อให้ผู้คนได้รู้จัก บุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งภายในพรรคของตน ให้กลายเป็นที่นิยมเพราะพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาจะต้องมาจากการถูกเลือก และธำรงไว้ซึ้งที่นั่งที่มาจากเสียงข้างมาก ในรัฐสภา ดังเช่น พรรคการเมืองถูกควบคุมโดยรัฐสภาถูกควบคุมโดยรัฐบาล ตามที่เป็นผล ไม่เพียงเท่านั้น พรรคการเมืองในระบบรัฐสภาที่มีจำนวนมากกว่าสามารถตั้งกฎหมายได้ หรือการปกครองโดยลำดับขั้นตอนและสามารถรวมเข้าด้วยกัน แต่ การทำความเข้าใจในนโยบายโดยเฉพาะและความนึกคิดที่ชัดเจน เปรียบเทียบคู่กับสหรัฐอเมริกา
ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการแบ่งอำนาจออกเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารและสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ มีคุณลักษณะผ่านการคัดเลือกคือค่อนข้างมีพื้นฐานเกี่ยวกับการเมือง โดยให้เหตุผลว่า พรรคการเมืองเสนอนโยบายที่ไม่ชัดเจนตามที่กฎหมายกำหนด ใครที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองเป็นอย่างดี จุดสำคัญคือ ผู้ที่ถูกเลือกจะขึ้นอยู่กับความนิยม สหรัฐอเมริกาใช้ระบบ 2 พรรคการเมือง ซึ่งก่อให้เกิดเสถียรภาพและ ผุ้ลงสมัครรับเลือกตั้งจะแสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการเมืองในชั่วขณะ และการเมืองจะทำให้หันไปในทิศทางเดียวกัน
พรรคการเมืองแบบผสม
นักวิจารณ์พรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ภายใต้รัฐสภาอังกฤษหรือระบบประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการคัดเลือกไม่ได้พิจารณาเฉพาะความนิยมของผู้แข่งขันเท่านั้น อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองใดพยายามได้มาซึ่งประชาธิปไตยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญจะสร้างความสอดคล้องกัน และการเตรียมการที่ประกอบไปด้วยภาระหน้าที่จะได้ผ่านมติที่ประชุมอย่างแน่นอน ในการเริ่มปฏิบัติการแข่งขันหาเสียง การคัดเลือกหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินรวมทั้งชำระค่าโฆษณาทางการเมือง ในเวทีกล่าวคำปราศรัยของพรรคการเมือง ข้อเสนอและนโยบายที่ดี จะเป็นกุญแจสำคัญของกลุ่ม ให้กลับมาสนับสนุนพรรคของผู้สมัครรับเลือกตั้งเกี่ยวกับการหาเสียง
ระหว่างการเลือกตั้งบทบาทการกระทำของพรรคการเมืองก็สำคัญมาก พรรคการเมืองที่ชนะร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลในระบบรัฐสภาเหมือนอังกฤษหรือในระบบประธานาธิบดีเหมือนกัน นักบริหารและสภานิติบัญญัติจะแยกออกจากกัน พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายนี้จะมีการดำเนินงานที่ควบคู่กันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคการเมืองที่มีการปกครองเหมือนกันทั้งสองอย่าง พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งจะมีภารกิจในการจัดตั้งระเบียบการประชุม ทางการเมืองในประเทศและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล สำหรับพรรคการเมืองที่แพ้การเลือกตั้งจะรับหน้าที่เป็นฝายคัดค้านและคอยจับผิดความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและจะเสนอทางเลือกในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่บ่อยนักที่พรรคการเมืองจะสามารถเป็นที่พอใจของประชาชนได้อย่างตายตัว(ญี่ปุ่นภายใต้การปกครองระบบประชาธิปไตย พรรคการเมืองจะได้รับการยกเว้น) เมื่อหมดวาระผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะหาผู้นำใหม่และนโยบายใหม่
ระบบพรรคการเมืองเดี่ยว
จุดประสงค์หลักของระบบนี้คือ การนำมาซึ่งรากฐานความเสมอภาคทางการเมืองหรือสังคมใดมีการเรียกร้องรูปแบบมติชนแห่งชาติและจะเสนอทางเลือกทางการเมืองในการที่จะชนะการเลือกตั้งพรรคการเมืองสามารถรวมพรรคกันอย่างไรก็ตามในชนบทนั้นการเลือกตั้งจะไม่เป็นอิสระ
ในรัฐของอำนาจเผด็จการ พรรคการเมืองยังคงมีอยู่มากซึ่งขัดขวางทางการเมืองมันเป็นที่นิยมของมติมหาชนในบ่อยๆครั้งเป็นเพียงเครื่องมือของการวินิจฉัยการบริหารทางสังคมซึ่งทำให้อำนาจสูงขึ้น และมีการยกเลิกของพรรคฝ่ายค้าน
ในการปกครองแบบเผด็จการพรรคการเมืองทำให้บรรลุในวงกว้างของหน้าที่รวมทั้งการยอมรับของสมาชิกใหม่ของพรรคการเมือง ระดมผลในการปลุกความเชื่อและมีการความคุม ในสมาชิกพรรคนาซีและกรุงเบอร์มินที่มีฮิตเลอร์เป็นผู้นำสมาชิกคอมมิวนิสมีมากในประเทศ พรรคการเมืองกลายเป็นรัฐบาล
รัฐมีความเจริญเพิ่มมากขึ้นในบทบาทการเป็นอยู่ของประชาชนจะมีการปฏิวัติพรรคการเมืองโดยตรงหรือเจ้าหน้าที่ในระบบเจ้าขุนมูลนายของราชการ ทำงานภายใต้ความมั่นคงในการควบคุมของผู้นำของพรรคการเมือง
ความคิดของการเมืองจะเป็นพาหนะสำหรับการแสดงออกของประชากรจะหมุนเปลี่ยนทางการเมืองกลายเป็นเครื่องมือศูนย์กลางของสังคมในการควบคุมอย่างเต็มที่ซึ่งสามารถยกเลิกการทดลอง/พยายาม ในตัวบุคคลแสดงออกถึงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ในการเข้าร่วมภายใต้สถานการเล็กๆ พยายามให้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าในการต่อต้านการปกครองระบบประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตามระบบพรรคการเมืองเดียวเป็นสภาพการดำเนินการ บางอย่างมีการตรึงมากหรือน้อยมากของประชาธิปไตย ก่อนปี 2000 ตัวอย่างการปฏิวัติการเมือง maxio (PRI) ซึ่งมีอำนาจเหนือการเมืองของชาวแม็กซิโอ ในประเทศอินเดียอำนาจทางการเมืองในระยะเวลาหลังได้รับเอกราช ส่วนที่เหลือการผูกขาดจะแคบลงเกี่ยวกับการชุมนุมของชาวอินเดีย( ซึ่งพรรคการเมืองมีการเหยียดหยามกัน)



พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้มีบทบาทสำคัญต่อการเมืองการปกครองของญี่ปุ่น ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 1950 ถึงแม้ว่าในสหรัฐอเมริกาจะไม่มีบันทึกว่าโน้มเอียงไปทางพรรคการเมืองพรรคเดียว พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้มีบทบาทสำคัญในทางใต้หลังจากเกิดสงครามกลางเมือง
ในกรณีของแมกซิโก PRI ได้รักษาตำแหน่งที่สำคัญไว้โดยการซื้อเสียง ข่มขู่ และ โกงการลงคะแนน ในอินเดีย ญี่ปุ่น และ อเมริกาใต้ ในส่วนนี้จะดำรงตำแหน่งและมีบทบาทที่เล็กน้อย แต่ยังคงมีการคอรัปชั่นอยู่ สังเกตได้ว่าการข่มขู่และการโกงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นจะพบในทางใต้ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 1960
ระบอบประชาธิปไตยแบบระบบพรรคเดียว มีความสัมพันธ์ในวงแคบ พรรคใหญ่ๆ จะครองอำนาจและเสียงส่วนใหญ่ได้อย่างเหนียวแน่นเสมอ ในความเป็นจริงการผูกขาดอำนาจทางการเมืองมักจะอยู่ในหมู่ ผู้นำนักธุรกิจ นายธนาคาร และข้าราชการระดับสูง เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจที่ กลุ่มต่อต้านการคอรัปชั่นจะคัดค้านระบอบพรรคการเมืองเดียว เช่นใน ญี่ปุ่น และแมกซิโก เมื่อเร็วๆนี้

ระบบสองพรรค
ภายใต้ระบบสองพรรค คะแนนเสียงส่วนใหญ่จะสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง และมีเพียงพรรคเดียวเท่านั้นที่จะได้รับตำแหน่งรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่ป้องกันการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาล หลักสำคัญประการหนึ่งที่เปรียบระบบสองพรรคเป็นความมั่นคงทางการเมือง ด้วยเหตุที่มี
อุดมการณ์พื้นฐานร่วมกันมักจะมีความแตกต่างกันในเรื่องที่มีความสำคัญลำดับรองลงมา ไม่เอาใจประชาชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเท่านั้น ตัวระบบสองพรรคจะเป็นหลักประกันว่านโยบายจะไม่โอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันหากเวลาต่อมาพรรคฝ่ายค้านได้รับการสนับสนุนมากกว่าก็สามารถรับช่วงบริหารต่อแทนรัฐบาลได้
ระบบสองพรรคไม่ได้ กำหนดว่าสามารถจัดตั้งได้เพียงแค่สองพรรคเท่านั้น บางครั้งก็มีพรรคการเมืองที่พยายามจะเป็นพรรคสำคัญพรรคที่สาม แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ ในเยอรมันมีพรรคการเมืองที่สำคัญสองพรรคซึ่งสลับกันมีอำนาจ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งปลายปี 1990พรรคการเมืองเล็กได้มีส่วนร่วมในอำนาจ เมื่อ The Greens ได้กลายเป็นส่วนร่วมในพรรค Red – Green

ระบบหลายพรรค
พรรคการเมืองระบบหลายพรรคมักพบในประเทศที่มีพรรคการเมืองมากกว่าสองพรรคขึ้นไปแข่งขันกันเพื่อเป็นรัฐบาล ซึ่งจะหาพรรคที่ได้รับเสียงข้างมากจากประชาชนนั้นได้ยาก จึงเกิดเป็นรัฐบาลผสม ขณะการเลือกตั้งแต่ละพรรคการเมืองจะหลีกเลี่ยงการกระทำให้พรรคเสื่อมเสียและดำเนินนโยบายที่เป็นเอกลักษณ์ของพรรค หลังจากการนับคะแนนเสียงพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงส่วนมากแต่ละพรรคต้องร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จนกระทั่งถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือคณะรัฐบาลล้ม วิธีนี้นับเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับชาวอเมริกัน แต่เป็นเรื่องธรรมดาหรือนิสัย สำหรับชาวยุโรป ชาวเอเชีย และประเทศอื่นที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบรัฐสภา
ระบบหลายพรรคมีข้อดีคือผู้ลงคะแนนเสียงมีตัวเลือกมากแต่ข้อเสียคือรัฐบาลขาดเสถียรภาพ ในบางประเทศการไร้เสถียรภาพเป็นอย่างเรื้อรัง ปัญหาทำให้เกิดการขัดแย้งภายในรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ หลายประเทศในยุโรปเช่นอิตาลีเป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์ตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่สอง

นโยบายของระบบพรรคการเมือง
อะไรคือสิ่งที่กำหนดจำนวนพรรคการเมืองในแต่ละชาติ
ประการแรก ชนิดของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญ ระบบประชาธิปไตยเท่านั้นทำให้พรรคการเมืองแข่งขันกันเพื่อที่จะได้ควบคุมระบบการเมืองเป็นการชั่วคราว
ประการต่อมา ในหมู่ประเทศที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ชนิดของระบบการเลือกตั้งมีผลกระทบต่อชนิดของระบบพรรคการเมือง การที่พรรคเล็กจะสามารถมีส่วนร่วมในการบริหารโดยแต่ละพรรคต้องร่วมมือกันซึ่งกลายเป็นระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค
ประการที่สาม ระบบพรรคการเมืองบางครั้งถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับรูปแบบพื้นฐานของรัฐบาล แต่มีความแตกต่างในเรื่องวิธีในการปฏิบัติต่อพรรคการเมือง
ประการที่สี่ ประเพณีมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลและนำมาใช้ในระบบพรรคการเมือง ตั้งแต่ระบอบการแบบเผด็จการได้แพร่ขยายเป็นวงกว้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่ระบบพรรคเดียว จะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับประเทศโลกที่สาม โดยเฉพาะในเวเนซูเอล่าและกัมพูชา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองทั้งสองประเทศได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมประชาธิปไตย รัฐบาลทั้งสองประเทศมีสถานะที่มั่นคงมากขึ้น
ประการที่ห้า...ที่ไหนที่ห่างไกล สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม หรือ การแบ่งแยกทางศาสนา และการเมืองการปกครอง จะทำให้การดำรงชีวิตซึมซาบกับอารมณ์ และการวางเงื่อนไขเกี่ยวกับการคิด ดังนั้น สถานการณ์การนิยมความก้าวหน้าจะค่อนไปทางระบบหลายพรรคมากกว่าระบบสองพรรค
พรรคการเมืองหลายพรรคจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยการเปลี่ยนจากระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างอื่น และองค์ประกอบของเจ้าหน้าที่ในระดับสูง คือ อำนาจ ทำให้ประชาชนเพ่งความสนใจไปที่คนที่มีตำแหน่งสูงที่สุด สำหรับ กรณีเกี่ยวกับพรรคการเมืองของประเทศอังกฤษที่มีการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางได้มากกว่าสองพรรคการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางของพรรคการเมืองมีความสำคัญต่อระบบของรัฐสภา เพราะทั้งการยุบพรรคของอำนาจนิติบัญญัติ และ สมาชิกของสภานิติบัญญัติ จำเป็นต้องเหมือนกันในความคิด หรือ ทัศนคติที่ได้รับการยอมรับ หรือการเสี่ยงนำไปสู่อำนาจของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่จะรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง และอาจจะใช้กำลังบังคับให้ปฏิบัติตามข้อบังคับในการเอาชนะเกี่ยวกับการเมือง และ ความกดดัน นอกจากนี้ในการประเมินส่วนมากสิ่งที่เป็นเครื่องมือวัดระดับชาติที่แสดงให้เห็นว่าพยายามทำงานอย่างเต็มที่เกี่ยวกับระบบของรัฐสภาคือ การวางแผน การจัดตั้ง การคลัง และการหาเสียง เพราะบุคลิกลักษณะของผู้ท้าชิงแต่ละบุคคลไม่ใช่แผนงานของพรรคการเมือง
สิ่งอื่นที่สำคัญกับการพิจารณาคือตัวระบบการเมืองคือการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางหรือการกระจายอำนาจในประเทศระบบสหพันธรัฐ โครงสร้างของพรรคการเมืองในประเทศได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อเป็นกระจกให้กับโครงสร้างระบบสหพันธรัฐของรัฐบาล ตัวอย่างที่ใช้ได้จริงเป็นตัวอย่างที่แสดงจุดประสงค์เช่น ในสหรัฐอเมริกาผลรวมของการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมีอิทธิพลต่อประเทศ แต่การนับคะแนนในแบบรัฐต่อรัฐ ในการแข่งขันผู้ชนะทั้งหมด(ผู้ชนะในแต่ละรัฐจะได้รับการลงคะแนนเสียงจากรัฐทั้งหมด) ดังนั้นในปีค.ศ.2000 George W. Bush ชนะการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก้อตามคู่ต่อสู้ของเขาคือ Al Gore ได้รับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุดทั่วประเทศจนเป็นผู้ชนะ เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ท้าทาย ไม่ใช่แค่ผู้ที่มีชัยชนะ ในสิ่งนั้นคือสภาพแวดล้อมทางการเมือง และโครงสร้างของการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ รัฐที่มีระดับความแข็งแรงคงที่จะมีการคัดเลือกวุฒิสมาชิกเพื่อจัดการพรรคการเมืองอย่างเป็นธรรมและเป็นตัวแทนรัฐและประชาชนอย่างเป็นทางการ และในระบบอื่นๆของระบบสหพันธรัฐก็มีการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกัน
พรรคอเมริกัน ที่ต้องนำมาเปรียบเทียบเนื่องจากขาดทักษะ และพรรคอเมริกันไม่ค่อยมีอิทธิพล เพราะพวกเขาไม่ต้องการตำแหน่ง และในสหรัฐอเมริกาสังคมในชนชั้นกลางมีขนาดใหญ่กับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่คือทฤษฎีทางการเมืองมีความสำคัญเป็นอันดับแรก ในที่นี้หมายความว่าหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่คนส่วนใหญ่ในการเมืองเพราะหัวรั้นในด้านเศรษฐกิจละสังคม หรือมีความสนใจในวงแคบ และแต่ละคนชอบที่จะให้มีรัฐบาลผสมซึ่งประกอบไปด้วยหลากหลายกลุ่มและมีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มคนที่มีขนาดใหญ่ซึ่งชอบยึดติดกับคนฉลาด ในสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีอยู่ห่างไกลจากประชาชนมาก และสิ่งที่สำคัญมากคือพรรคการเมืองต้องมีความตรงไปตรงมาและประสานงานกันในการดำเนินงานของรัฐบาล ในระบบของรัฐสภาพรรคการเมือง(หรือพรรครัฐบาลผสม)ต้องสร้างขึ้นจากใจความสำคัญที่สำคัญมากในแต่ละรัฐบาลใหม่
พรรคการเมือง ใช้ความเป็นอิสระเดียวกับประชาธิปไตยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นในระบบ ในการทำลายรัฐธรรมนูญสามารถกลายเป็นจุดเริ่มต้นการเคลื่อนที่ของระบบการปกครองแบบเผด็จการ(สังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ พรรคนาซีที่เกิดขึ้นในเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่2) ครั้งหนึ่งในอดีตมีอำนาจของพรรคการเมืองแบบเผด็จการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นรัฐบาล ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างคือขอบข่ายการเมืองของพรรคแบบเผด็จการถูกจำกัดให้แคบลงทำให้มีผลกับพรรคคือ การออกคำสั่ง และ นโยบาย แต่ไม่ทำให้การเมปฏิบัติการส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักลงทั้งการหาเสียง และ การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ทำให้โครงการกลายเป็นสังคมที่บริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าการปกครองแบบเผด็จการและพรรคการเมืองแบบเผด็จการจะเหมือนกัน ซึ่งโดยปกติแล้วจะรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางและบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดแต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพ พรรคการเมืองแบบเผด็จการไม่ได้มีเจตนายกเว้นจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์ และ ความสนใจในการต่อสู้ ทำให้พวกเขาต้องการที่จะสร้างระบบบริหารที่มีขนาดใหญ่ในทุกๆที่

การทำให้อำนาจของพรรคการเมืองลดลง
ผู้เชี่ยวชาญมากมายเชื่อว่าพรรคการเมืองจะเหลือช่วงเวลาลดน้อยลงเรื่อยๆซึ่งพวกเขาได้อ้างจากการสำรวจความคิดเห็น การกัดกร่อนประเด็นที่เกี่ยวกับส่วนรวม ทั้งๆที่พรรคการเมืองรับรู้แต่ไม่สามารถควบคุมการตอบสนองการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด บ่อยครั้งที่สมาชิกพรรคของการเมืองต้องพิสูจน์ด้วยตัวของพวกเขาเอง และการแตกแยกของรายชื่อสมาชิกผู้สมัครเป็นการเลือกตั้งที่น่าเบื่อ นักวิทยาศาสตร์ทางการเมืองมีความโน้มเอียงพรรคการเมืองที่ไม่มีประโยชน์ยอมรับความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม
ทำไมผู้สังเกตการณ์บางส่วนต้องต่อสู้กับผู้บริจาคจำนวนมากที่เลือกมอบเงินให้กับผู้ท้าชิงโดยตรงมากกว่าที่จะให้กับพรรคการเมือง เพราะพวกเขาต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นหนี้ต่อพวกเขา อีกอย่างหนึ่งคือการแนะนำเพราะผลที่เกิดขึ้นจากพรรคการเมืองทำให้การต่อสู้ดิ้นรนกับการจัดชนชั้นระหว่างชนชั้นแรงงานและนักธุรกิจ ทำให้มีความเลือนลางในความสำคัญ แม้ในขณะนี้พวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาประสบความล้มเหลวในทางการเมืองแล้วก็ตาม
ในสหรัฐอเมริกา พรรคการเมืองมีความคิดเห็นที่หลากหลาย จึงจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับประชาธิปไตยในอุดมคติภายใน 10 ปีที่จะถึงนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะผ่านความยากลำบากเช่นเดียวกัน พรรคการเมืองที่เชี่ยวชาญก็จะมีอำนาจลดลงในแนวทางคัดเลือกผู้ท้าชิงเป็นภาพสะท้อนที่ไม่น่ายินดีอย่างมากที่หัวหน้าพรรคตัดสินใจเลือกใครสักคนเพื่อเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง เพื่อพูดโต้ตอบเกี่ยวกับประชาธิปไตยในความคิดของเรา ความเป็นจริงหรือจินตนาการนี่คือภาพสะท้อนในการช่วยเหลือตนเองที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งมีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า(ทั้งๆที่การเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งที่แท้จริงนี้ถูกทดสอบก่อน แต่ก็ยากที่จะเข้าใจ จึงกลายเป็นเรื่องที่ห่างไกล)
ความพยายามที่จะกลายเป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงตำแหน่งในรัฐที่จัดเป็นรัฐที่นิยมและที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้ง ทันทีที่ข้อยกเว้นกลายเป็นหลักเกณฑ์ รัฐที่แข่งขันในตอนนี้จะถูกควบคุมไว้ตั้งแต่ตอนแรก(การเลือกตั้งด้วยตัวของพวกเขาเองกลายเป็นสินแร่มหาศาลในบางรัฐ การดึงดูดภาษี และ ความแพร่หลายของเทคโนโลยี) ในรัฐอื่นๆสมาชิกจะทำการประชุมกันเพื่อทำการคัดเลือกผู้แทนและเตรียมการวางแผนในการเลือกตั้ง หลังจากไปประชุมที่รัฐเสร็จแล้วพวกเขาก็จะคัดเลือกผู้แทนตามลำดับการสนับสนุนด้วยการให้คำมั่นสัญญาโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวผู้เข้าท้าชิงเอง
สิ่งเช่นนั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงค่าเฉลี่ยของประชาชน อย่างน้อยที่สุดก็เป็นความรู้สึกส่วนหนึ่งของคนจำนวนมากในพรรคการเมืองในการเปลี่ยนแปลงให้ดำรงตำแหน่งหรือทำหน้าที่ต่างๆ และทำให้อำนาจลดลงอย่างสม่ำเสมอเหมือนกันในสถานการณ์ของแต่ละพรรครวมทั้งพรรครัฐบาล อย่างไรก็ตามกับรัฐจำนวนมากสิ่งที่เป็นพื้นฐานคือสินทรัพย์ ประธานาธิบดีของอเมริกาต้องหาเสียงเหน็ดเหนื่อย ใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสามารถดำเนินการหาเสียงในการเลือกตั้งต่อไปได้ตลอดปี(ข้อเปรียบเทียบ การเลือกตั้งรัฐสภาของประเทศอังกฤษบ่อยครั้งที่การหาเสียงในช่วงสุดท้ายจะเหลือเวลาน้อยกว่า 1เดือน และเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเท่านั้น ไม่มากเท่ากับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของประเทศสหรัฐอเมริกา) ยิ่งไปกว่านั้นการตั้งกองทุนยังเป็นความพยายามอย่างเต็มที่อยู่ในขณะนี้ไม่เพียงแต่ความคาดหวังในตัวรัฐบาล แต่ยังรวมถึงตัวผู้ลงสมัครวุฒิสภาอีกด้วย เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่จบสิ้น
สถานการณ์นี้เป็นลักษณะเฉพาะของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่มีประเทศใดในโลกที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยให้ความสำคัญและใช้เวลาในการเลือกตั้งมากเท่านี้หรือประชาชนจะสามารถกำหนดทิศทางของประชาธิปไตยได้โดยผ่านการเปิดโอกาสให้สอบถาม
พรรคการเมืองยังคงช่วยเหลือผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ไม่สามารถปิดโอกาสให้ผู้สมัครรับรู้ถึงระดับกองทุนในประเทศ ทำอย่างไรจะสามารถเติมเต็มได้ เราจะเห็นได้จากกลุ่มผู้ที่มีผลประโยชน์จะเข้าโจมตีการเติมเต็มช่องโหว่นี้ แต่ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับผลสืบเนื่องของอุดมคติประชาธิปไตยของประเทศ


การมีส่วนร่วมและกลุ่มผลประโยชน์
กลุ่มผลประโยชน์นี้ไม่มีการควบคุมเหนือรัฐบาล ไม่เหมือนกับการแต่งตั้งสมาชิกใหม่และผู้ที่ถูกเลือกอย่างเป็นทางการ แทนที่พวกเขาจะรวมกำลังในการออกกฎหมาย การปกครองและคำสั่งในความสนใจเป็นพิเศษในพื้นที่เฉพาะ ( ดังนั้น คำว่า กลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะ) เป็นกลุ่มที่มีภาระหน้าที่ร่วมกันและเงินสงเคราะห์ (ธุรกิจใหญ่) การดูแลของการธนาคาร การช่วยเหลือในเรื่องที่ดิน การช่วยเหลือในเรื่องการเงินด้านการศึกษา หรือสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ตัวอย่างเช่น พวกเราได้โต้แย้งกันโดยการตรวจสอบในความแตกต่างของกลุ่มผลประโยชน์
ประเภทของกลุ่มผลประโยชน์
โดยทั่วไปกลุ่มผลประโยชน์ได้จำแนก เป็นพื้นฐาน ทั้งหมด 4 ประเภท
อันดับแรก สมาคมกลุ่มผลประโยชน์ เป็นประเภทที่ทุกคนคุ้นเคย เป็นแบบฉบับที่เป็นชื่อพิเศษ สำนักงานแห่งชาติ คระผู้ร่วมงานที่ชำนาญและการจัดระเบียบ ทางการเมือง ซึ่งจะโยงไปในลักษณะเด่นของกลุ่ม เป้หมาย , ความเชื่อ และ คุณค่า ตัวอย่างเช่น องค์กรจะประกอบไปด้วยหลายองค์กร เช่น องค์กรผู้ผลิตแห่งชาติ (NAM) , องค์การการยิงปืนแห่งชาติ ของอเมริกา (NRA) ,สมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี (NAACP) , องค์กรลูกจ้างแรงงาน (UAW) , สมาคมคริสเตียน (CCA) , กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (The Sierra Club ) , และ สมาคมผู้เกษียณอายุในอเมริกา (AARP)
อันดับที่สอง ไม่มีองค์กรในกลุ่มผลประโยชน์ซึ่งไม่มีชื่อเละขาดรูปแบบโครงสร้างแต่จะสะท้อนกลับมาในสังคมอย่างไม่ชัดเจน ชนกลุ่มน้อย ,วัฒนธรรม หรือ ในกลุ่มศาสนา เป็นผลมาจากการร่วมมือ , การมีอำนาจในการเมือง อิทธิพลภายใต้ความถูกต้องของกลุ่มในสถานการณ์นั้น เช่น กลุ่มผลประโยชน์ ทั่วไปจะมีมากในการพัฒนาประเทศในเอเชีย ,โลกอาหรับ, อเมริกา-ลาติน และ ตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในแถบแอฟริกา

อันดับที่สาม สมาคมของกลุ่มผลประโยชน์มีอยู่ในการปกครองของรัฐบาล มีหน่วยงานและกระทรวงหลายกระทรวงของการปกครองมีผลประโยชน์ที่มีความแน่ใจ ในการปกครองและคำสั่งของรัฐบาลในการออกกฎหมาย ข้อคิดเห็นของประชาชนไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ดังนั้นกระทรวงกลาโหม ก็ได้ทำสัญญาร่วมกันในการสนับสนุนอาวุธเละกระทรวง เช่น แรงงาน , เกษตรกรรม และ การศึกษา บ่อยครั้งนักที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ถูกครอบงำของกลุ่มผลประโยชน์ ได้ชี้แนวทางและได้ผลรับโดยดารดำเนินการในคำสั่งของรัฐบาล
อันดับที่สี่ กลุ่มของคนที่ตัดสินใจอย่างกะทันหัน บางครั้งเป็นการพัฒนามาจากความรู้สึกของตัวบุคคล มีความไม่เห็นด้วยกับการเมือง นักเรียนทั่วไปจะเดินขบวนต่อต้านกัน ในสงครามเวียดนาม ปี1960 ถึง ต้นปี 1970 เป็นตัวอย่างที่ดีของขอเท็จจริงนี้ อัลมอนด์ได้กล่าวไว้ว่า การก่อจลาจลและการลอบสังหารผู้นำจะอยู่ในประเภทนี้ด้วย
กลุ่มผลประโยชน์ประเภทอื่นๆมีบางอย่างซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีกลุ่มที่น่าสนใจ เปรียบเทียบกับ การที่ผู้แทนสนใจในประชาชน สาเหตุทั่วไป , องค์กรเดิมจะให้ความสะดวกสบาย การศึกษา และสวัสดิ์ภาพแก่สมาชิกกว่า 300,000 คน เป็นตัวอย่างในการอธิบายของกลุ่มผลประโยชน์นี้
กลุ่มผลประโยชน์ไม่เพียงแต่จะออกคำสั่งอย่างเดียวแต่เขายังให้ความสนใจในจุดต่างๆทั้งสิ้น จุดที่สำคัญที่สุด คือ ความยุติธรรม ลักษณะนี้มีมากใน ชนกลุ่มน้อย ( เงินทุนสนับสนุน อิตาเลียน- อเมริกา) ตัวอย่างในกลุ่มศาสนา (การชุมนุมของชาวยิวในอเมริกา) กลุ่มอาชีพ (สมาคมการศึกษาของอเมริกา) กลุ่มเกษียณอายุ (กลุ่มผู้เกษียณอายุในอเมริกา) ในข้อเท็จจริงนี้ กลุ่มผลประโยชน์เอกชนส่วนมากจะหาความก้าวหน้าให้ตนเองจากกลุ่มในสมาชิกของตน
จุดสนใจของกลุ่มผลประโยชน์เป็นไปอย่างกว้างขวาง รัฐบาลสนับสนุนในจุดประสงค์ต่างๆ พวกเขาเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่สังคมทั้งหมด ตัวอย่างเช่น องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ออกกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการป้องกันสิ่งแวดล้อมและการควบคุมพื้นที่สงวนไว้ในนโยบาย ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ตกลงกับเป้าหมายของสมาคม ก็ไม่ได้กล่าวหาว่าสมาชิกจะทำตามอย่างเคร่งครัดในการสนใจตนเอง โดยแท้จริงแล้ว ประชาชนทั้งหมดต่างก็ได้ประโยชน์ขององค์กรนี้ คือ อากาศดีและน้ำบริสุทธิ์จากการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การร่วมกันของกลุ่มผลประโยชน์แตกต่างกันในเรื่องของทรัพย์สินเป็นจำนวนมากและจะอ้างว่าเป็นเหตุผลต่างๆซึ่งจะบรรยายถึงจำนวนเงินอย่างมากมาย รัฐบาลสามารถขยายขนาดของสมาชิกและการเข้าถึงในหลายทาง พวกเขามีสิทธิในการบัญญัติกฎมายและเป็นคนตัดสิน ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นมีการเผชิญหน้ากันในการออกกฎหมายกับข้าราชการทางการเมือง ช่วยเหลือและสนับสนุนในการเมือง , การจ่ายเงินมีจำนวนมาก , ชุมนุมการจัดตั้ง , การเดินบวน และเงินทุนสะสมของการเรียนการสอนของการปล่อยออกมาเป็นเรื่องที่สำคัญ
แหล่งที่มาและทฤษฎีของผู้มีอิทธิพล
กลุ่มผลประโยชน์ เป็นแบบฉบับในการทดลองของอำนาจสาธารณะในการปกครองโดยอิทธิพลของการเลือกตั้ง และสาเหตุของสาธารณะ หรือ ระดับของรัฐ พวกเขาจะทำใน 3 อันดับแรก อันดับแรกจะค้นหาตัวแทนในการเลือกตั้งโดยไม่ไว้วางใจในตัวพวกเขาเอง อันดับที่สอง ค้นหาทางเข้าของการเลือกตั้ง และ อันดับที่สาม มีการรณรงค์เป็นจำนวนมาก ในกลุ่มผลประโยชน์จะมีพื้นฐานการให้รางวัลมาตัดสินใจในการเลือกผู้แทน บางกลุ่ม กลุ่มผลประโยชน์

และพนักงานจำนวน 1800 คน งบประมาณอีกเกือบ 600 ล้านดอลล่า และการแสดงออกของผู้ปกครองและผู้ต่อสู้ผู้สูงอายุชาวอเมริกัน กลุ่ม AARP เป็นกลุ่มหนึ่งอิทธิพลอย่างมากต่อกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง
กลุ่มต่อต้าน(NRA)เป็นกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้อำนาจพิเศษของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง ผู้นำค่อนข้างมีความลำเอียง เมื่อเร็วๆนี้กลุ่มต่อต้านได้ยืนกรานตอบโต้การใช่ปืนภายใต้ความรุนแรงเช่นการใช่อาวุธที่มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่อาชญากรรมในรัฐหนึงของอเมริกา ช่วงเย็น ในที่สุดก็สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้โดยแกนนำจากครอบครัว ชาวนา พวกเขาเป็นผู้แทนพิเศษโดยเปลี่ยนแปลงคณะ/สมาคม กลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์

ในจำนวนปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองคือตัวเลขการวิเคราะห์/ตอบรับของประชาชน, ความเข้มแข็งของสมาชิกด้วยกันและจากหลายๆฝ่ายที่พยายามอ่อนลงและนำไปสู่ความพยายามที่จะร่วมมือกันกดดันรัฐบาล แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆคือสิ่งสำคัญกว่าเงินในการเมืองอเมริกา. ตัวเลขความสัมพันธ์เล็กน้อยของความมั่งคั่งเฉพาะบุคคลบางครั้งสามารถมีอิทธิพลมากมายต่อระบบการเมือง เช่น
การเผยแพร่ด้วยสื่อต่างๆที่สิ้นเปลืองหรือการสนับสนุนเงินจำนวนมากกับการใช้สื่อ สมาชิกในกลุ่มคือบุคคลในกลุ่มนโยบาย/สาขาเดียวกัน และสื่อทางการเมืองที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อตัวแทนทางการเมืองคือการลงคะแนนเสียงของ ส.ว. ในประเด็นเฉพาะ
กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองบางครั้งได้รับผลประโยชน์จากการผูกขาดของพรรคการเมือง ในยุโรปตะวันออกกระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่สำคัญในการผูกขาดกับกลุ่มบริหารในพรรคการเมือง(เช่น พรรคแรงงานในอังกฤษและกระทรวงพาณิชย์) ในอังกฤษ การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองผ่านทางพรรคการเมืองทั้งสิ้น การสนับสนุนการเงินโดยตรงแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่พวกเขาให้สนใจ ในบางเรื่อง กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองจะหลีกเลี่ยงการพนันโดยการสนับสนุนผู้สมัครทั้งสองฝ่ายโดยพวกเดียวกันของเขาการชักชวนกลุ่มมูลนิธิตลอดจนกลุ่มงานสื่อสาร(คอมพิวเตอร์)โดยอาศัยการส่งผ่าน(จดหมาย) โดยตรงคือชื่อเสียงของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง แต่จะเคลื่อนไหวด้วยผู้นำสำคัญ การใช้เสียงของผู้นำกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองและการเผยแพร่/หาเสียงบ่อยๆของหน่วยงานส่วนหน้า ความพยายามทำให้ผู้คนเชื่อในตัวผู้แทนราษฎรหรือการสนับสนุนการตัดสินใจกระทำกิจกรรมใดๆหรือการค้านกฎหมายในแต่ละครั้งของการประชุม ผลสำเร็จของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองที่มีผลต่อความเชื่อในส่วนบุคคลและชื่อเสียงของเขา กลุ่มผลประโยชน์มีการแข่งขันกันบ่อยสำหรับที่ปรึกษาประธานาธิบดี(และการจ่ายแจกให้สมาชิกอย่างพอเพียง)ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษในกรุงวอชิงตัน




ความแตกแยกของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง : ได้รับจากความก้าวหน้าทางสังคม
แม้ว่าการประมาณความสำคัญต่างกัน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจำนวนกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองในอเมริกาและการจ้างหัวคะแนนของสมาชิกรัฐสภาเพิ่มขึ้น มากกว่า 50%ในรอบ 3 ทศวรรษ วันนี้สมาคมประกอบไปด้วยอุตสาหกรรม 3 กลุ่มใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ภายในรัฐบาลเดียวและการท่องเที่ยวหนึ่งแหล่ง ประมาณปี 1991 มีเพียง 6000 ทะเบียนและประมาณ 80000 แรงงานคนสำหรับสมาคมที่มีจุดประสงค์เพื่อการโฆษณาธุรกิจและกลุ่มค้าขายเกือบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดในกรุงวอชิงตัน . ความไม่สงบในปี 1994 โดยผู้สังเกตการณ์ ;
ข้อพิจารณา ตัวอย่างเช่น จำนวนกลุ่มผู้ฟังในงานวิจัยของกลุ่มสมาคม การฟังเติบโตจำนวนน้อยกว่า 5000 ในปี 1956 เพิ่มขึ้นมาเป็น 20000 ในทุกวันนี้ พวกเขาแสดงความคิดเห็นต่อวิถีทาง ซึ่งเป็นส่วนน้อยในทั้งหมดของอเมริกาที่เป็นกลุ่มสนใจ สิ่งแวดล้อม การรวมกลุ่มเดี่ยวประมาณ 7000 เมื่อนับเฉพาะในท้องถิ่นและตัวอย่างเช่น ในกรุงวอชิงตันมากกว่า 400 กลุ่มจาก 300 และสิ้นสุดในปี 1990 ระหว่างปี 1961 และ 1982 จำนวนสมาคมในกรุงวอชิงตันเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า อย่างกะทันหันทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มสมาชิกและกลุ่มรากหญ้า ซึ่งมีอยู่น้อยก่อนปี 1960 วันนี้ สมาชิกของพวกเขาเป็น หนึ่งแสนคนและมีเงินมากกว่า 4 ล้านดอลล่าต่อคน 40 ล้าน ตามหลักรัฐศาสตร์ของ รานอล ซายโกของมหาวิทยาลัยอเมริกา
เหตุผลของการแตกแยกของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองประกอบด้วยการเพิ่มพูนอย่างกะทันหันของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง การเสื่อมโทรมของพรรคการเมือง การเพิ่มขึ้นของสิ่งต่างๆในสังคมอเมริกาและการให้อำนาจกับกลุ่มสังคมใหม่ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประการหนึ่งของกลุ่มผลประโยชน์ทาง


ในเวลาเดียวกันกลุ่มชาวไร่นาและคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี สามารถเข้าหาองค์กรค่อนข้างง่ายการศึกษาระดับสูงที่เพิ่มขึ้นของแต่ละคน กลุ่มที่เรียกร้องความสนใจจากรัฐบาลและความสำเร็จของพวกเขาก็สามารถได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม
ก่อนปี 1970 กลุ่มที่เรียกร้องความสนใจกลุ่มใหม่รู้ว่าการกระทำของคณะกรรมการทางการเมืองเป็นที่เด่นชัดในสหรัฐอเมริกาในปี 1971 การประชุมผู้แทนมีความพยายามที่จะควบคุม การเลือกตั้ง ห้ามด่าทอ บุคคลที่จดทะเบียนร่วมกันจากการให้ความช่วยเหลือโดยตรงไปยังการรณรงค์ อย่างไรก็ตามกฎหมายที่ผ่านการประชุมและชี้แจงโดยศาลแล้วไม่สามารถห้ามเป็นพิเศษของกลุ่มที่เรียกร้องความสนใจจากค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆโดยตรงได้ตลอด ทำให้ต้องเกิดคณะกรรมการขึ้น จำนวนตัวเลขของ PACs จากกึ่งกลางจนถึง 1980s ที่แสดงตัวเลขของกลุ่มที่เรียกร้องความสนใจที่ใหญ่และมีอิทธิพลกับ PACs ประกอบด้วย สมาคมที่เกี่ยวกับการแพทย์ของอเมริกา สมาคมผู้ที่ทำธุรกิจบ้านและที่ดินแห่งชาติ สมาคมผู้จัดจำหน่ายแห่งชาติ สมาคมผู้ขนส่งจดหมายแห่งชาติ,องค์กรอเมริกาของPACs:องค์กรเกี่ยวกับทันตกรรมชองอเมริกาและสหภาพมลรัฐของอเมริกาและผู้ได้รับการว่าจ้างทำงานเทศบาล
PACs มีบทบาทด้านให้เงินช่วยเหลือผู้ลงสมัครทำให้เกิดการเท่ากันแห่งประเทศชาติและระดับของอำนาจหน้าที่เวลาเดียวกัน ก็ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งมากขึ้นทุกที ต้องพึ่งพาโฆษณาทางโทรทัศน์ DIANNE FEINFPEIN ผู้เข้าข้างประชาธิปไตย วุฒิสภาจากแคลิฟอเนีย ค่าเลี้ยงดู 1 วัน $22,000 ระหว่าง 7 เดือนก่อนการเลือกตั้งในปี 1994 ถ้า FEINFPEIN ทำธุรกิจ รายได้ของรัฐบาลจากภาษีสถานที่ท่ามกลาง5อันดัน%ของบุคคลหรือบริษัทที่จดทะเบียนร่วมกันของสหรัฐอเมริกา อย่างไม่น่าเชื่อ FEINFPEIN ใช้เกินฝั่งตรงข้ามที่สนับสนุนการปกครองของสาธารณะรัฐ MICHAEL HUSSINGPOM ผู้ซึ่งใช้เงินและเวลาอย่างฟุ่มเฟือยและสินเปลืองโดยประมาณ $29ล้าน ส่วนหนึ่งของเขาเสียไปกับการรณรงค์ต่อต้าน FEINFPEIN
ผู้ที่สังเกตการณ์มากมายประณามอิทธิพลของเงินในระบบการเมืองของอเมริกา เงินเป็นปัจจัยในทางการเมือง แต่เร็วๆนี้ปัจจัยความร่ำรวยอย่างง่ายๆก็เป็นไปไม่ได้ โดยเฉลี่ยราคาของผู้ชนะชิงตำแหน่งที่นั่งมาใหม่ๆ จาก $73,000 ในปี 1976 ถึง $680,000 ในปี1996 ตำแหน่งที่นั่งวุฒิสภาจาก $595,000 ถึง $3.8ล้าน ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ดังนี้ ผู้ร่วมประชุมในโบสถ์ใจบุญเกี่ยวกับกุศลมีความเชื่อถือ

การเพิ่มขึ้นของกลุ่มผลประโยชน์ในประชาธิปไตยเกี่ยวกับรัฐสภา ของยุโรปทางด้านตะวันตกมีการยอมรับ ในประเทศชาวยุโรปจำนวนหนึ่งสนใจกลุ่มที่ถูกจับตามอง โดยรัฐบาลและได้ประสบความสำเร็จในรัฐบาล สำหรับตัวอย่างในสวีเดนและนอร์เวย์ กระทรวงได้พิจารณาถึงทุกสิ่งแล้วการกระทำซึ่งเกี่ยวกับการจัดการการถูกบังคับโดยกลุ่มผลประโยชน์ ดังเช่น กลุ่มที่สนใจในกระบวนการนโยบายในฝรั่งเศส การปรึกษาระหว่างระบบแห่งชาติกับรัฐบาลและส่วนของรอบๆสภาจำนวน500 คณะกรรมการ200 และค่านายหน้า300 การรับใช้แต่ละครั้งของรัฐบาลเหล่านั้น คือ ตัวแทนของรัฐบาลและกลุ่มผลประโยชน์ทั้งสอง
ดังเช่นกลุ่มผลประโยชน์ในสหรัฐและยุโรปทางด้านตะวันตก มีภาวะที่ได้รับขึ้นครองตำแหน่ง ชาวอเมริกาอ้างถึงผลประโยชน์พิเศษในลักษณะที่เสื่อมเสียบ่อยๆ การเพิ่มขึ้นของ PACs และเงินก้อนใหญ่ทางการเมืองได้แจกจ่ายไปทำให้มีภาพลักษณ์ในทางลบ กลุ่มผลประโยชน์คือความจำเป็น เงินที่มอบให้เกี่ยวกับพรรคการเมือง เพื่อเป้าหมายที่แน่นอนในการหาเสียงเลือกตั้งหรือพรรคการเมือง เขาชักนำพรรคพวกไปในทางทุจริตเพื่อสิ่งที่กล่าวมา ซึ่งปัจจุบันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ระยะเวลา 10 ปี กลุ่มผลประโยชน์ต่างคอยระวังการเคลื่อนไหวในทางการโต้เถียงกับฝ่ายคุณธรรม ตอนนี้ได้ยินคำพูดเกี่ยวกับการเปิดเผยเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้นมีผลหลากหลายของกลุ่มผลประโยชน์ การประท้วงอย่างไม่อายซางได้มาความยุติธรรมให้ประชาชนได้เห็น คุยเรื่องที่น่าสนใจในที่สาธารณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเมืองในอเมริกามีการแข่งขันกันโดยปกติผู้ชนะจะแสดงโดยอำนาจผลประโยชน์คาดหวังในสิ่งตอบแทนของข้าราชการที่ได้ช่วยเหลือ
ทำไมรัฐสภาไม่พูดเป็นจริงเป็นจังในการแก้ไปปัญหาระบบทุจริต? ขณะที่ PAC ได้สนับสนุนการปฏิรูปแผนจำกัดประชากร การเมือง การหาเสียงเลือกตั้ง ของทุกวันนี้มีระยะเวลาและผลตอบแทนสูง
การให้ความชัดเจน,เงินเป็นแหล่งอาจในระบบปฏิบัติการทางทหารในการเปลี่ยนสมัย,กลุ่มคนที่สนใจ,ผู้รับเลือกตั้งและพรรคการเมืองจะจ่ายเงินในที่ปรึกษาเพื่อโฆษณาในการปฏิวัติทางการเมือง
The rise of interest groups ในประชาธิปไตยของยุโรปตะวันตกมีแนวทางที่มุ่งมั่นมีความประทับไม่มาก บางเมืองในประเทศยุโรปกลุ่มที่สนใจทางการเมืองเป็นเหมือนข้าราชการที่จำแนกออกโดยรัฐบาลและมีสถานะภาพคล้ายรัฐบาตัวอย่างในประเทศสวีเดนและนอร์เวย์ คณะรัฐมนตรีพิจารณาถึงบทบาทเกี่ยวกับการจัดการ คือการบังคับถึงปรึกษาถึงกลุ่มที่โดยผลกระทบ ดังนี้ เป็นเหตุโดยตรงให้กลุ่มที่สนใจการะบอนการทางดารเมือง,ในประเทศฝรั่งเศส,ระบบแห่งชาติ เพื่อปรึกษาระหว่างรัฐบาลและเอกชนแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ปรึกษา 500คน คณะกรรมการ 200 และคณะกรรมการ 300 รับราชการของบุคคลเหล่านี้เป็นหน้าที่เป็นตัวแทนของทั้งรัฐบาลและกลุ่มคนที่สนใจ
ดังนั้นกลุ่มที่สนใจในอเมริกาและยุโรปทางตะวันตกมีผลประโยชน์จากการมีอำนาจคนชาวอเมริกาให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องมารยาทที่ทำให้เสื่อมเสีย.การเพิ่มขึ้นของ PAC และรัฐบาลมีงบที่ช่วยเหลือเพื่อมีภาพพจน์ที่ดี และกลุ่มที่สนใจมีความยินยอมแต่ยังมีผลกระทบเงินไม่พอเพียง (เงินถูกนำไปให้พรรคการเมืองเพื่อที่จะสนับสนุนการรณรงค์และการใช้เงินหมดไปกับการสนับสนุนของผู้รับสมัครเลือกตั้งหรือพรรคการเมือง) พวกเขาซึ่งมีการทุจริตมากที่ปรากฏมากขึ้นทุกที่ซึ่ง ไม่ถูกตามกฎหมายหรือวิธีทางการเมือง
2 ทศวรรษ,กลุ่มคนที่สนใจระมัดระวังพฤติกรรมการโต้เถียงอย่างมีคุณธรรมทุกวันนี้เสียงหนึ่งจากกลุ่มการเมืองที่พูดกันผู้นำจากหลากหลายกลุ่มที่สนใจ (การพูดแทนจากชนชั้นกลาง ผู้ชำภาษี ,อพาทเมน ,บ้าน ,เจ้าของ, พลเมือง, อเมริกา, พลเมืองอเมริกา พลเมืองอาวุโส)การคัดค้านอย่างไม่อายซึ่งพวกเขาไม่ยอมรับการใช้สินค้าสาธารณะอย่างเป็นธรรมการพูดถึงความสนใจสาธารณะชนเป็นการยากที่จะมีในปัจจุบันมากเท่าที่ระบบการปกครองของอเมริกามีวิสัยทัศน์ที่เป็นรูปธรรม,ซึ่งผู้ชนะถูกพูดแทนโดยผู้มีอาจอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะได้รับรางวัลโดยข้าราชการที่พวกเขาเลือกทำไมรัฐสภาถึงไม่มีการพูดถึงผลกระทบของระบบที่เน่าเปื่อยในขณะที่พรรคPACได้รับการนิยมจากการปฎิรูปข้อเสนอมูลค่าทุนที่สูงซึ่งหมดเปลืองไปกับรณรงค์ซึ่งเป็นข้อมูลของสาธารณะ